เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการเกษียณอายุราชการของครูและผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในเดือนกันยายนนี้ว่า เรื่องดังกล่าว สพฐ.ได้เตรียมความพร้อมสำรวจอัตราเกษียณอายุราชการของครูและผู้บริหารโรงเรียนมาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.65 แล้ว ซึ่งในปีนี้ สพฐ.มีครูเกษียณอายุราชการประมาณ 20,000 คน โดยคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้คืนอัตราเกษียณทั้งหมดมาให้ สพฐ.แล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มอบให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสำรวจและวางแผนว่าโรงเรียนไหนมีครูเกษียณจำนวนเท่าไหร่ และมีตำแหน่งว่างในสาขาวิชาเอกอะไร จากนั้นคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) จะทำงานร่วมกับเขตพื้นที่ พิจารณารับย้ายครูที่ยื่นคำร้องขอย้ายไว้ว่ามีตำแหน่งว่างตรงกับอัตราเกษียณหรือไม่ รวมถึงการเรียกจากบัญชีครูผู้ช่วยที่มีการสอบขึ้นบัญชีไว้ ดังนั้นในวันที่ 1 ต.ค. มีครูเกษียณเราจะมีครูใหม่เข้าไปทดแทนทันที ซึ่งจะไม่มีปัญหาการขาดครูอย่างแน่นอน
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในการเกษียณอายุราชการยังมีประเด็นของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูเกษียณ ซึ่งเราพบบางโรงเรียนมีครูสอนจำนวน 2 คนและเกษียณอายุราชการทั้งหมด ซึ่งในส่วนของโรงเรียนขนาดเล็กเราไม่สามารถคืนอัตราเกษียณได้ เนื่องจากติดระเบียบของการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ของสำนักงานคณะกรรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่จะคืนอัตราเกษียณได้โรงเรียนจะต้องมีเด็กมากกว่า 120 คน และเป็นโรงเรียนคุณภาพชุมชน หรือโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ ดังนั้นเราได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาไว้แล้ว คือ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีเด็กน้อยอาจย้ายไปเรียนในโรงเรียนคุณภาพชุมชนใกล้เคียงด้วยการจัดรถรับส่ง พร้อมกับการทำความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองรับทราบ หรืออาจให้โรงเรียนเปิดสอบพนักงานราชการ ซึ่งเขตพื้นที่จะต้องรู้บริบทและการบริหารจัดการที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
“สำหรับการคืนอัตราเกษียณอายุราชการให้แก่ สพฐ.ในครั้งนี้มีจะกันไว้ 25 % เพื่อให้กลุ่มครูอัตราจ้าง ครูกลุ่มพนักงานราชการของ สพฐ.ได้มีสิทธิสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษในปีนี้ด้วย ซึ่ง สพฐ.จะเปิดสอบช่วงต้นปีงบประมาณในช่วงเดือน พ.ย.หรือ ธ.ค.นี้” นายอัมพร กล่าว