สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ว่า เนื่องด้วยอุณหภูมิในฤดูร้อนที่สูงถึง 34 องศาเซลเซียส ไอศกรีมจึงเป็นขนมที่ได้รับความนิยม และมีราคาไม่แพงนักในฉนวนกาซา แต่เจ้าของร้านขายของชำหลายแห่งกล่าวว่า พวกเขาจำเป็นต้องหยุดขายไอศกรีม แม้ฤดูร้อนที่ร้อนจัดจะทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นก็ตาม
“ไอศกรีมละลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วเราควรจะทำยังไงกับมันล่ะ? มีแต่เสียกับเสีย” นายฟูอัด อาวาดัลเลาะห์ เจ้าของซูเปอร์มาร์เกต กล่าว

ตามปกติ ฉนวนกาซาจะใช้ไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์ต่อวัน ในช่วงฤดูร้อนเดือน มิ.ย.-ส.ค. โดยรับไฟฟ้า 120 เมกะวัตต์ มาจากอิสราเอล ขณะที่โรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวสามารถจ่ายไฟได้เพิ่มอีก 60 เมกะวัตต์ ทว่าการขาดแคลนไฟฟ้านั้นหมายความว่า ประชาชนจะมีไฟฟ้าใช้แค่ 11 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และไม่สม่ำเสมออีกด้วย

ด้านนายโมฮัมหมัด อาบู ชาบาน เจ้าของร้านคาเซ็ม ไอศกรีม กล่าวว่า เขาจำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นไฟราคาแพง เพื่อให้ธุรกิจของเขาดำเนินต่อไป และเมื่อมีการตัดไฟเกิดขึ้น เขาไม่สามารถปิดเครื่องปั่นไฟได้แม้แต่นาทีเดียว
นอกจากนี้ นางซาลี อาบู เอล-ฮัจ วัย 25 ปี ต้องเดินทางจากค่ายผู้ลี้ภัยไกลถึง 13 กม. เพื่อมาซื้อไอศกรีมจากร้านคาเซ็ม เพราะร้านค้าอื่น ๆ หยุดขายไปหมดแล้ว
“หากคุณต้องการซื้อสิ่งที่ถูกกว่าจากซูเปอร์มาร์เกต คุณจะไม่มีทางหามันเจอ เพราะเจ้าของกลัวว่าไอศกรีมจะเสียของเมื่อไฟฟ้าดับลง” เธอกล่าว.
เครดิตภาพ : REUTERS