สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่าองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ออกแถลงการณ์ เลื่อนการทดสอบปล่อยระบบจรวดขนาดยักษ์ “เอสแอลเอส” หนัก 2.6 ล้านกิโลกรัม สูงประมาณ 100 เมตร เทียบท่าอาคาร 32 ชั้น และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8.4 เมตร โดยเป็นการใช้เครื่องยนต์ยักษ์รุ่น “อาร์เอส-25” ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนเหลวและออกซิเจนเหลว เนื่องจากเกิดความขัดข้องทางเทคนิคที่ระบบเครื่องยนต์


ทั้งนี้ ระบบเอสแอลเอสเป็นเทคโนโลยีที่นาซาพัฒนา เพื่อใช้สำหรับโครงการสำรวจอวกาศห้วงลึก ซึ่งรวมถึงภารกิจหวนสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบ 50 ปี ในชื่อ “อาร์ทิมิส” ทั้งแบบไร้มนุษย์และมีมนุษย์เดินทางไปด้วย ซึ่งเป้าหมายตอนนี้อยู่ที่ปี 2568 แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า อาจล่าช้ายิ่งกว่านั้น ด้วยเงื่อนไขเกี่ยวกับงบประมาณ นอกจากนั้น นาซายังมีแผนใช้ระบบเอสแอลเอสกับโครงการสำรวจดาวอังคารด้วย


นายบิล เนลสัน ผู้อำนวยการนาซา กล่าวถึงการยกเลิกกำหนดการ เมื่อวันจันทร์ สะท้อนให้เห็นว่า โครงสร้างและระบบของจรวดลำนี้มีความซับซ้อนมาก และการส่งจรวดจะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด ตราบใดที่ความผิดปกติทั้งหมดยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วง


ขณะที่นายไมเคิล ซาราฟิน ผู้จัดการโครงการอาร์ทิมิส กล่าวว่า ทีมงานมีเวลาอีกประมาณ 48-72 ชั่วโมง กำหนดการครั้งต่อไปคือวันที่ 2 ก.ย. นี้ หากยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก กำหนดการซึ่งสำรองไว้อีกวัน คือวันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึง ส่วนความขัดข้องที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการที่ทีมงานของนาซาไม่สามารถทำให้เครื่องยนต์หมายเลข 3 ของจรวดเย็นลง จนถึงระดับอุณหภูมิที่ต้องการ แม้พยายามอัดไฮโดรเจนเหลวที่เย็นยะเยือก -217 องศาเซลเซียสเข้าไป ก็ยังไม่ได้ผลทันภายในเวลาที่กำหนด


อนึ่ง การใช้งานจริงของระบบจรวดเอสแอลเอส ที่เตรียมออกเดินทางจากศูนย์อวกาศเคนเนดี ในรัฐฟลอริดา จะเป็นการเดินทางสู่อวกาศของจรวดขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุด ยิ่งกว่าจรวด “ฟอลคอน เฮฟวี” ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ โดยจรวดเอสแอลเอสแบ่งน้ำหนักบรรทุกออกเป็น 3 ช่วง สำหรับวงโคจรระดับต่ำ เขตอิทธิพลแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ และวงโคจรรอบด้วงอาทิตย์ ใช้งบประมาณตลอดโครงการประมาณ 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 836,050 ล้านบาท).

เครดิตภาพ : REUTERS