เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมานายวีระ สังข์ทอง เกษตรอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา มอบหมายให้ นางสาวอรอุมา ศุภศรี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการปลูกผักปลอดสารพิษ บ้านเชียงใหม่ หมู่ 7 อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา
ซึ่งเป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชผักในโรงเรือนด้วยวิธีกรรมตามธรรมชาติ การนี้เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เตรียมการเรื่องการตลาดสำหรับผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยว และแนะนำให้ทำการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการถูกเพลี้ยอ่อนเข้าทำลายผลผลิตด้วยการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่สำรวจพบว่าเริ่มจะมีการระบาดของเพลี้ยอ่อนในแปลงเพาะปลูก ซึ่งเพลี้ยชนิดนี้มักจะเข้าทำลายในพืชผักหลายชนิด เช่น พริก มะเขือ มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว และพืชตระกูลแตงทุกชนิด รวมถึงไม้ผล

เป็นเพลี้ยที่มีปีกขนาดยาว 1.2-1.8 มิลลิเมตร สีเขียวคล้ำปีกสีขาวใสพับข้างลำตัว ตัวที่ไม่มีปีกจะรูปร่างเหมือนตัวมีปีก แต่ขนาดโตกว่าตัวมีปีกเล็กน้อย และสีจางกว่า ตัวอ่อนนุ่ม รูปร่างเป็นรูปไข่ เคลื่อนไหวเชื่องช้าอยู่กันเป็นฝูง
เมื่อเพลี้ยอ่อนออกลูกหลานจนหนาแน่นจนอาหารไม่เพียงพอ ก็จะออกลูกมีปีกเพื่อกระจายไปหากินที่อื่น เพลี้ยอ่อนจะลอกคราบจากตัวอ่อนจนเป็นตัวเต็มวัย 4 ครั้ง ลอกคราบแต่ละครั้งห่างกัน 1-2 วัน
ระยะตัวอ่อนจนถึงตัวแก่และขยายพันธุ์ได้ 4-8 วัน เฉลี่ย 5 วัน ตัวเต็มวัยผลิตลูกได้ 8-79 ตัว เฉลี่ย 44 ตัว ตัวเต็มวัยจะผลิตตัวอ่อนได้ 5-17 ครั้ง เฉลี่ย 10 ครั้ง ตัวแก่มีอายุเฉลี่ย 12 วัน รวมอายุขัยของเพลี้ยอ่อนประมาณ 17 วัน
เพลี้ยชนิดนี้ไม่ผสมพันธุ์และไม่ออกลูกเป็นไข่ คือ ออกเป็นตัวอ่อนโดยไม่ได้ผสมพันธุ์ พบการระบาดได้กับพืชเกือบทุกชนิด ทั้งในไม้ผล, ไม้ยืนต้น, ผักและพืชไร่ โดยเฉพาะผักและพืชไร่ เมื่อมีการเข้าทำลาย จะทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ให้ผลผลิตลดลง คุณภาพผลผลิตต่ำ หรือไม่ได้ผลผลิตเลย
เพลี้ยชนิดนี้เป็นแมลงพวกปากดูดทำลายพืชด้วยการดูดน้ำเลี้ยงจากใบ ยอด และลำต้น ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง หากระบาดเป็นจำนวนมากต้นพืชจะแคระแกร็น จัดเป็นศัตรูพืชที่สำคัญเพราะถึงแม้ว่าจะพบในปริมาณต่ำแต่สามารถถ่ายเชื้อไวรัสแก่ต้นพืช ทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงได้
ที่สำคัญเป็นตัวพาหะถ่ายเชื้อไวรัสไปสู่ต้นพืชและผักโดยเฉพาะมะเขือเทศ เพลี้ยอ่อนมีทั้งที่บินได้ และไม่มีปีกบินไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเคลื่อนย้ายตัวไปไกล ๆ ชอบเกาะกลุ่มอยู่กับที่ ตรงแหล่งที่หากินนั้น ๆ
การกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติคือไม่ต้องใช้สารเคมี เกษตรกรสามารถทำได้ด้วยการใช้ผงซักฟอก โดยใช้ความเข้มข้น 5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นไปยังบริเวณที่พบเพลี้ยอ่อน ในช่วงเช้าหรือเย็น และใช้เหยื่อกำจัดมด หรือกำจัดเพลี้ยอ่อนและมด โดยใช้เชื้อรา บิวเวอร์เรีย 250 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในช่วงเช้าหรือเย็นควบคู่กันด้วย
และนำแมลงห้ำมาให้กินเพลี้ยอ่อน เช่น แมลงเต่า ตัวอ่อนของแมลงช้าง ตัวเบียน และแตนตัวเล็ก ปล่อยในแปลงปลูก ก็จะสามารถป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดนี้ได้ และผลผลิตก็จะไม่มีการตกค้างของสารเคมีเพราะไม่ได้ใช้อีกด้วย.