เป็นเรื่องยากสำหรับหลายคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ของ โรคอ้วน แล้วหยุดไม่อยู่ ที่จะพัฒนาไปได้หลายโรค โดยเฉพาะเบาหวานและไขมันพอกตับ สายสืบสุขภาพ ได้ค้นข้อมูลจากการเปิดเผยของดร.เจสัน ฟุง นายแพทย์ชาวแคนาดา ที่ระบุว่า ผลการศึกษาวิจัยหลายเรื่องเกี่ยวกับอินซูลิน ทำให้ต้องทำความเข้าใจใหม่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยเพราะการรักษาแบบเดิมบางอย่างอาจต้องปรับเปลี่ยน
ดร.เจสัน บอกว่า สาเหตุสำคัญในการเกิดโรคอ้วน ,เบาหวาน ,ไขมันพอกตับ มาจากปริมาณอินซูลินในกระแสเลือดจำนวนมากที่ร่างกายจัดการไม่ได้ เพราะกินแป้งมากเกินไป ร่วมกับกินน้ำตาล กินหลายมื้อ และเมื่อดื้ออินซูลินก็แก้ไขด้วยการให้อินซูลิน เป็นต้น
สำหรับ อินซูลิน คือฮอร์โมนเผาคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งและน้ำตาล ผลิตโดยตับอ่อน หากตับอ่อนผิดปกติ จะหลั่งอินซูลินน้อยหรือไม่มีเลย ทำให้ร่างกายเผาแป้งน้ำตาลไม่ได้ จึงเก็บเป็นไขมันและทำให้อ้วน เป็นภาวะดื้ออินซูลิน ที่การรักษาคือให้อินซูลินเข้าไปจัดการน้ำตาลจำนวนมากดังกล่าว แต่การให้อินซูลินอาจทำให้ร่างกายยิ่งดื้อต่ออินซูลิน ดร.เจสันเปรียบเทียบเรื่องนี้กับกรณีให้ยาปฏิชีวนะยิ่งมากยิ่งทำให้เชื้อดื้อยา ดังนั้นการให้อินซูลินเพื่อรักษาการดื้ออินซูลินอาจยิ่งทำให้ดื้ออินซูลินมากขึ้น ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นวงจรของโรคอ้วน เบาหวาน ไขมันพอกตับได้อย่างไม่จบสิ้น
แต่การจะทำให้อ้วนนั้น ไม่ได้เกิดเพราะเรากินแป้งจำนวนมากเพียงอย่างเดียว แม้ตามข้อเท็จจริงจะมีว่าอินซูลินทำให้อ้วนและแป้งก็กระตุ้นอินซูลิน มีข้อมูลว่าชาวจีนในอดีตกินข้าวขาววันละเกือบ400กรัม แต่กลับมีคนอ้วนน้อย นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่กินน้ำตาล กิน3มื้อ ไม่มีของว่าง เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่นและชาวเกาะนิวกินี
ส่วนไขมันพอกตับเกิดจากเมื่อกินอาหารเข้าไป ร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาเผาแป้งและน้ำตาล หากกินมากจนเผาไม่หมด แป้งน้ำตาลส่วนเกินจะถูกเก็บเป็นไกลโคเจนไว้ที่ตับ ถ้าเยอะจนเก็บไม่ได้ ร่างกายจะเปลี่ยนไกลโคเจนเป็นไขมัน กลายไขมันพอกตับได้ หากเกิดการดื้ออินซูลินและให้อินซูลินเพิ่มเข้าไป อินซูลินในเลือดก็ยิ่งเพิ่ม และไปเพิ่มไขมันที่ตับด้วย ถ้าไม่หยุดพฤติกรรมจะเกิดเป็นวงจรระหว่างไขมันพอกตับ ดื้ออินซูลิน อ้วน และเบาหวานต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ
เราสามารถหยุดวงจรเหล่านี้ต้องควบคุมระดับอินซูลินให้สม่ำเสมอ ไม่ให้ออกฤทธิ์มากนัก ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่กินน้ำตาล เพื่อกันอินซูลินออกไปจากวงจรให้มากที่สุด
- กินน้อยมื้อและเป็นเวลา อาจกินสามมื้อหรือน้อยกว่าแต่ต้องไม่มีอาหารว่าง หรือจะอดอาหารช่วงเวลาหนึ่งเพื่อหยุดการทำงานของอินซูลิน
- เพิ่มการกินผักให้มากขึ้นเพราะเส้นใยในผักเป็นตัวป้องกันที่ดี ช่วยลดน้ำตาลและไม่เพิ่มอัตราการเป็นเบาหวาน
- ไม่กินอาหารแปรรูปเพราะเป็นอาหารที่ไม่เหลือเส้นใยและทำให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานถึงร้อยละ75
- เน้นกินอาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการปรุงหรือปรุงน้อยมาก ให้เป็นธรรมชาติจะดีที่สุด
- ส่วนผลไม้ แม้มีเส้นใย แต่น้ำตาลฟรุกโตส หากมีมากทำให้เกิดเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์พอกตับได้ ซึ่งไขมันพอกตับมาก ยิ่งดื้ออินซูลินมาก อินซูลินยิ่งสูง วงจรโรคจะสูงตาม จึงควรเลี่ยงการกินผลไม้เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงนี้ด้วย
ข้อแนะนำทั้งหมดอาจทำได้ไม่ยากนัก หากไม่ติดรสชาติหวาน ทั้งนี้ ยังมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ป่วยอาจต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงการรักษาที่เหมาะสมเสียก่อนจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจากนพ.เจสัน ฟุง
สายสืบสุขภาพ : ศศิวรรณ์ เลิศวิริยะประภา