อวัยวะทุกส่วนในร่างกายมีการทำงานที่เชื่อมต่อกันอย่างที่มนุษย์คิดไม่ถึง บางครั้งปวดเท้าแต่สาเหตุมาจากหลัง หรือแม้แต่ปวดหลังก็มีสาเหตุมาจากหน้าท้องไม่แข็งแรง เป็นต้น
เคล็ดลับที่สายสืบสุขภาพ ไปค้นเจอมานี้ ยิ่งน่าประหลาดใจไปกว่านั้น เพราะจากนิ้วหัวแม่มือจะเชื่อมโยงไปถึงสมองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ผู้ที่ค้นพบเคล็ดลับนี้เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกัน “ดร.อลัน แมนเดล” ซึ่งกล่าวถึงความสำคัญของต่อมเล็กๆต่อมหนึ่งที่อยู่ใต้สมอง ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญหลายชนิดให้กับร่างกาย นั่นคือ ”ต่อมพิทูอิทารี” ต่อมนี้มีขนาดเพียงเมล็ดถั่ว และอยู่บริเวณตำแหน่งของไซนัส ที่ชื่อว่า sphenoidal
เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของนิ้วหัวแม่มือด้วยการนวดกดจุด นิ้วหัวแม่มือนี้มีการทำงานโดยตรงกับสมอง โดยเฉพาะต่อมพิทูอิทารี ที่สามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยการนวดกดจุด ซึ่งหมออลันบอกว่า เวลาที่ต่อมนี้ถูกกระตุ้นจะส่งผลต่อการหายใจที่จะทำให้รู้สึกว่าหลังโพรงจมูกเปิดโล่ง หายใจสะดวกมากขึ้น บางคนอาจรับรู้ถึงการทำงานในส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น มีกำลังขึ้น สมองสดชื่น หัวใสขึ้นและความคิดต่างๆชัดเจนมากขึ้นเป็นต้น
วิธีนวดไม่ได้ซับซ้อน สามารถทำเองได้ง่ายๆ เพราะมีเพียง 2 ท่า ทำท่าละ 20-30 วินาทีก็เพียงพอ
ท่าที่ 1 ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ข้างหนึ่ง บีบด้านหน้าและด้านหลังนิ้วหัวแม่มืออีกข้าง โดยบีบแรงๆแล้วปล่อย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ20วินาที บางคนจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่หลังโพรงจมูก ว่าหายใจได้โล่งมากขึ้น
ท่าที่ 2 ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ กดที่ข้างเล็บทั้งซ้ายและขวาของนิ้วหัวแม่มืออีกข้างหนึ่ง โดยกดพร้อมกันแล้วค้างไว้ประมาณ30วินาที-1นาที เพียงเท่านี้จะรู้สึกว่าจมูกโล่ง สมองสดชื่นได้เลย
หมออลันบอกความรู้สึกว่า จุดที่ตึงของไซนัสได้ผ่อนคลายลง จากที่นวดกระตุ้นดังกล่าว ส่งผลดีต่อการหายใจ และหมายถึงว่าได้มีการกระตุ้นต่อมพิทูอิทารีอยู่ในขณะนั้นแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าการนวดนิ้วหัวแม่มือนี้ แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันไป บางคนอาจรู้สึกมีกำลังขึ้น หัวใส มีการโฟกัสมากขึ้น หายใจโล่งขึ้น รับรู้อาการต่างๆของร่างกายได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นที่ระบบทางเดินหายใจ แต่อาจมากหรือน้อยไม่เหมือนกันก็ได้ หากท่านลองนวดแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยก็อย่าด่วนผิดหวังไปเสียก่อน เพราะดร.อลันแนะนำให้ทำในวันต่อไปอีกหลายๆครั้ง ร่างกายจะเริ่มรู้สึกถึงผลจากการนวดกดจุดดังกล่าว และหวังว่าท่านจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพในทางที่ดีอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.อลัน แมนเดล
สายสืบสุขภาพ : ศศิวรรณ์ เลิศวิริยะประภา