เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ทั่วทั้งประเทศไทยกำลังวิตกกังวล และให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในช่วงเมษายน 2564 นี้ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรง โดยพบผู้ติดเชื้อรายวันตอนนี้เกือบทะลุหลักพันคนแล้ว ซึ่งทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น รวมทั้งก็มีบางคนได้ทำประกันโควิด-19  เอาไว้ล่วงหน้าป้องกันไว้ก่อน หากติดขึ้นมาอย่างน้อยก็ยังได้เงินค่าประกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องประกันโควิดในตอนนี้ ก็ยังมีข้อมูลที่ชวนสับสนเล็กน้อยในประเด็น “เจอแล้วจ่าย” เพราะมีคนในสังคมออนไลน์ ระบุว่า ต้องรอให้รักษาหายก่อน ถึงนำเอกสารการติดและหายมาทำเรื่องเคลมเงินประกันต่อไป ไม่ได้เป็นแบบติดโรคแล้วจ่ายทันที วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” จึงขอสรุปให้ทุกคนได้เข้าใจกันอย่างละเอียด ดังนี้

“ประกันโควิด 19 แบบเจอ จ่าย จบ” จะคุ้มครองกรณีที่ตรวจพบว่าป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หมายความว่า หากแพทย์ตรวจพบว่าเราติดโควิด-19 ขึ้นมาจริง ๆ ก็สามารถขอใบรับรองแพทย์ไปเคลมประกันเพื่อรับเงินก้อนครั้งเดียว ทั้งนี้ ในแต่ละแผนเจอ จ่าย จบ ของแต่ละบริษัท จะให้ความคุ้มครองแตกต่างกันไป เช่น 

– คุ้มครองเฉพาะการตรวจเจอเชื้อเพียงอย่างเดียว ไม่มีค่ารักษาพยาบาล 

– คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งเงินชดเชยกรณีเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าหรือเสียชีวิต

– คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่ารักษาพยาบาลเฉพาะกรณีแพ้วัคซีน

– คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และให้ค่าชดเชยรายวันกรณีนอนโรงพยาบาล แต่ไม่มีค่ารักษาพยาบาล

– คุ้มครองทั้งการตรวจเจอเชื้อ และประกันอุบัติเหตุ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อประกันโควิด-19 นั้น มีดังนี้

1. ประกันโควิด-19 มีระยะเวลารอคอย 14 วัน กล่าวคือ หากเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 ในช่วง 14 วัน หลังจากกรมธรรม์มีผลบังคับใช้ จะไม่สามารถเคลมประกันได้ โดยกำหนดเงื่อนไขนี้ไว้เพื่อป้องกันคนที่รู้ตัวว่าป่วยแล้วมาซื้อประกันทีหลัง เพื่อเบิกค่ารักษาหรือรับเงินชดเชย

2. กรณีมีโรคประจำตัว สามารถทำประกันได้ โดยหลายบริษัทอาจให้เราแถลงข้อมูลในใบคำขอเอาประกันภัย ซึ่งต้องแถลงตามความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม บางบริษัทอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในผู้ป่วยบางกลุ่ม แนะนำให้สอบถามจากบริษัท และอ่านเงื่อนไขของกรมธรรม์อย่างละเอียดก่อนซื้อประกัน

3. หากเคยเป็นโควิด-19 แล้ว และรักษาหายขาดไปแล้ว อาจจะสามารถทำประกันได้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท

4. แผนประกันที่มีค่ารักษาพยาบาลสามารถนำเบี้ยส่วนที่เป็นค่ารักษาพยาบาลไปยื่นลดหย่อนภาษีได้

5. การเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา จะต้องมีองค์ประกอบต่อไปนี้

   –   ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกอย่างน้อย 96 ชั่วโมง

   –   การเจ็บป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นการเจ็บป่วยรุนแรงที่แพทย์ลงความเห็นว่าไม่มีวิธีการรักษาให้หายได้ และ/หรือเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตโดยมีสาเหตุหลักมาจากติดเชื้อไวรัสโคโรนา

6. กรณีเลือกแผนประกันที่มีค่ารักษาพยาบาล หากไม่ได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลคู่สัญญากับบริษัทประกันภัย ผู้ป่วยจะต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วนำใบเสร็จรับเงินมาเบิกคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัย แต่หากเป็นโรงพยาบาลคู่สัญญา ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย

8. การซื้อประกันโควิด-19 แบบเจอ จ่าย จบ หลายฉบับ สามารถเคลมได้ทุกฉบับ โดยต้องขอใบรับรองแพทย์ตัวจริงเท่ากับจำนวนประกันที่ต้องการเคลม แต่หากซื้อประกันที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จะเบิกได้เท่าที่จ่ายจริง โดยต้องยื่นเบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทแรกที่เราซื้อประกันก่อน ส่วนที่เหลือจึงมาเบิกเพิ่มเติมจากบริษัทที่ 2 บริษัทที่ 3 ต่อไป

9. ประกันโควิด-19 ไม่จ่ายในกรณีเจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนามาก่อนทำประกันภัย หรือมีการติดเชื้อในช่วงระยะเวลารอคอย รวมทั้งการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เช่น ทำประกันไว้หลายฉบับ แล้วพิสูจน์ได้ว่าจงใจทำให้ตัวเองติดเชื้อ

10. สำหรับกรณี “จ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อครั้งแรก” เรื่องนี้หมายถึง การจ่ายเมื่อตรวจพบเชื้อเป็นครั้งแรก แต่หากเคยติดมาก่อนแล้วหาย แล้วมาเป็นซ้ำแบบนี้ไม่จ่าย ไม่ใช่หมายถึง การตรวจครั้งแรกไม่ติดเชื้อ มาตรวจพบครั้งที่สอง

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขรายละเอียดทั้งหมดของแต่ละกรมธรรม์ เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โดยส่วนใหญ่ประกันโควิด 19 แบบเจอ จ่าย จบ ณ ปัจจุบัน จะเน้นให้เงินก้อนเพียงครั้งเดียวเมื่อตรวจพบเชื้อ และมักไม่ได้ให้ค่ารักษาพยาบาลพ่วงมาด้วย แต่ก็มีบางกรมธรรม์ที่ให้ค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก ให้เงินชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) รวมทั้งประเภทที่คุ้มครองการแพ้วัคซีน หรือถ้าใครต้องการให้ครอบคลุมโรคอื่น ๆ นอกจากโควิด-19 ด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทำประกันแบบไหน อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขและยกเว้นต่าง ๆ ให้ละเอียดครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ ขั้นตอนการขอรับผลประโยชน์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าการเคลมประกัน เมื่อเราทราบผลแล้วว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนการเตรียมตัว และเอกสาร ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : ติดต่อบริษัทประกันที่คุณทำประกันภัยโควิด-19 ไว้  ซึ่งจะเป็นทางช่องทางออนไลน์ หรือเบอร์โทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน 

ขั้นตอนที่ 2 : เตรียมเอกสารสำหรับการเคลมให้พร้อม โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมี ดังนี้

– กรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ซึ่งจะได้รับหลังจากการสัญญาทำประกันภัยเรียบร้อยดีแล้ว โดยภายในกรมธรรม์จะระบุถึงรายละเอียดสำคัญต่างๆ อาทิ รายละเอียดความคุ้มครอง ชื่อผู้เอาประกัน หรือชื่อผู้รับผลประโยชน์

– แบบฟอร์มการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันที่คุณตกลงทำประกันภัยโควิด

– ใบรับรองแพทย์ตัวจริงที่วินิจฉัยว่าผู้เอาประกันภัยมีการเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 

– ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ตรวจพบเชื้อโคโรนาไวรัส–โควิด-19 (Novel- Coronavirus หรือ 2019-CoV)

– สำเนาหน้าบัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย

– สำเนาหน้าบัตรประชาชนของผู้รับผลประโยชน์

– สำเนาหน้าบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้เอาประกันภัย

– ใบเสร็จค่ารักษา หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ตัวจริง 

หมายเหตุ : กรณีที่ทำประกันภัยโควิด-19 ไว้หลายกรมธรรม์และจำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ และใบเสร็จค่ารักษาหลายฉบับ คุณไม่สามารถทำการคัดลอกได้เอง ต้องขอสำเนาจากโรงพยาบาล และมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเซ็นรับรองให้เท่านั้น

ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร

ตรวจสอบชื่อผู้เอาประกัน ชื่อผู้รับผลโยชน์ หมายเลยบัตรประชาชน วัน เดือน ปีเกิด รายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่เพื่อเป็นรักษาผลประโยชน์ให้กับตัวคุณเอง หรือครอบครัวของคุณ อีกทั้งยังช่วยให้หน้าที่ของบริษัทประกันภัยทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเร็วขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 : ส่งเอกสารให้กับบริษัทประกันภัย

สำหรับขั้นตอนนี้สามารถจัดส่งเอกสารสำหรับเคลมประกันได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ไปรษณีย์ หรือบริการขนส่งเอกสารอื่นๆ อาจจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด และควรทำใบปะหน้าที่ระบุรายชื่อเอกสารทั้งหมดที่ส่งแนบไปด้วยเพื่อป้องกันเอกสารหล่นหาย

ขั้นตอนที่ 5 : รอรับเงิน

หลังจากที่เอกสารได้รับการตรวจสอบเรียบร้อย บริษัทผู้รับประกันจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ ซึ่งจะได้เงินช้าหรือเร็วแล้วก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอน และเงื่อนไขของแต่ละบริษัท โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาภายใน 7–30 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ทางบริษัทฯ ได้รับเอกสารประกอบการพิจารณาค่าสินไหมทดแทนครบถ้วน

หมายเหตุ : หลังจากที่รับเงินค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้วอย่าลืมตรวจทานมูลค่าเงินด้วยว่าครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์หรือไม่ และกรณีที่ไม่ถูกต้องให้รีบแจ้งตัวแทน หรือบริษัทผู้รับประกันทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้อาจทำให้คุณไม่สามารถไปขอเงินส่วนที่ขาดได้ ดังนั้นจงรักษาสิทธิประโยชน์ของตัวเอง และครอบครัวให้ดี..

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ : Pixabay, TQM, 724 มาร์เก็ต