เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กล่าวในรายการ เจาะลึกทั่วไทย ถึงมีการวิจารณ์ ร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เป็นการดึงแพทย์มาบังหน้า ลักไก่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมรัฐบาลในการบริหารจัดหา จัดซื้อโควิด-19 ที่ผิดพลาด ว่า จุดเริ่มร่าง พ.ร.ก.นี้เป็นการเสนอแนะระหว่างการประชุมของคณะทำงานของผู้บริหารสาธารณสุข ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอแนะขึ้นมา ตามที่ได้ไปหารือกับทีมงานของท่าน ท่านก็นำเสนอขึ้นมาและได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสุขภาพไปศึกษา และให้มีการยกร่างขึ้นมา จากนั้นได้มีมติแนวทางเช่นนี้ ก็มารายงานตน ตนก็บอกว่าให้ไปดูว่ายกร่างเป็นอย่างไร  ซึ่งบอกไปว่ารอ พ.ร.บ.ไม่ทัน ในหลักการตนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว การยกร่าง เนื้อหา ก็ต้องรอท่านยกร่างขึ้นมาก่อน ยืนยันไม่มีอะไรเบื้องหน้า เบื้องหลัง ยืนยันไม่ใช่แนวคิดของตนเอง เป็นของข้าราชการที่เสนอมาที่ฝ่ายนโยบาย เขาหารือกันมาก่อน เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรมของเขา

เมื่อถามว่า ทำไมต้องออกเป็นพ.ร.ก. นายอนุทิน กล่าวว่า ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขท่านบอกว่า มีผู้ป่วยมาก การดูแลคนป่วยมีเป็นแสนๆคน ถ้ามีญาติผู้ป่วยเกิดไม่พอใจขึ้นมาในการรักษา ท่านก็บอกว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้วเกิดไม่มีอะไรคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานเลย  จะต้องมีการคิดแล้วคิดอีกจะทำให้วิธีการรักษาดูแลผู้ป่วยมีปัญหาได้ ซึ่งจึงต้องมีอะไรคุ้มครอง และ พ.ร.ก.ไม่ใช่เหมือนนิรโทษกรรม คือเป็นการไม่ต้องรับผิด แต่ต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ใช่ประมาทเสียหาย มันมีข้อยกเว้นอยู่

ส่วนกรณีที่ นพ.เรวัต วิศรุตเวช  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ตั้งข้อสังเกตว่าการที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมคลอดกฎหมายนิรโทษกรรมให้บุคลากรแพทย์ไร้ผิดกรณีรักษาผู้ป่วยโควิด และมีการระบุประเภทของบุคลากรที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งระบุถึงบุคคล หรือ คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหารือบริหารวัคซีน เป็นการต้องการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือคนกลุ่มใดหรือไม่ เพราะหมอ พยาบาล มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ทำไมต้องออกกฎหมายซ้ำซ้อน นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ ทางปลัดสาธารณสุขก็เป็นลูกน้องเก่าของท่านทั้งนั้น เราก็ต้องยอมรับว่า เรื่องโควิดมันไม่ใช่รักษาคนไข้ในรพ.อย่างเดียว และมีข้อจำกัดมากมายในการเข้า รพ. จำนวนแพทย์ต่อคนไข้แต่ละคน ซึ่งต้องรับผิดชอบคนไข้จำนวนมาก และมี รพ.สนาม ดังนั้นสภาพการณ์ไม่เหมือนภาวะปกติ ที่สำคัญอย่างสมมุติเราป่วยก็กินยาพารา เขาระบุเลยว่าแก้อะไร แต่เรื่องโควิดมันเป็นการใช้ประกอบโรคศิลป์จริงๆ

เมื่อถามว่าทำไมต้องคุ้มครองคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา หรือ บริหารวัคซีน จริงๆ ต้องการคุ้มครองคนเหล่านี้ แต่เอาหมอบังหน้า นายอนุทิน ตนคงไม่อธิบายแทน ตนไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการยกร่าง ตนยังไม่เห็นร่างและที่ปลัดมารายงาน ท่านรายงานที่ประชุม และตนก็ไม่มีปัญหา ถ้าโปร่งใส ก็ยินดีเสนอ ครม. ซึ่งก็ให้หมอทำการยกร่างขึ้นมา

ถามว่า เขามองตรงๆ ว่าจะไปคุ้มครองนักการเมืองที่กำกับนักการเมืองที่หาวัคซีน นายอนุทิน กล่าวว่า ตนพูดได้เลยว่าในเรื่องนโยบาย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร การซื้อยาเป็นเรื่องของกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นการเจรจาของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชฯ กรมควบคุมโรค และกับผู้บริษัทผลิตวัคซีน ทางฝ่ายนโยบายไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย และนายแพทย์ลงนามแต่ละขั้นตอน ซึ่งเขาก็คิดว่าเขาสุ่มเสี่ยงของเขา หากเขาไม่ได้คุ้มครองหากสถานการณ์ไม่หยุด หากกดดันมาก เขาก็จะบอกว่าไม่ซื้อแล้วให้รัฐบาลซื้อ

เมื่อถามว่า ทำไมบอกไม่ได้จัดหาด้วยตนเอง นายอนุทน กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดหา จัดซื้อ ให้แต่กำลังใจบอกเพียงว่าดูดีๆ ให้รอบคอบ เรื่องประมาณ

ถามว่า กำลังบอกว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรี และฝ่ายนโยบาย นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่น่าเกิดความผิดพลาด เวลาจะให้มีการอนุมัติงบประมาณ จัดซื้อวัคซีนยี่ห้อใดก็แล้วแต่ คำถามแรกผู้ที่จะนำเสนอ คือซื้ออย่างไร จัดหาอย่างไร ได้แจ้ง ศบค.หรือยัง เป็นความต้องการของประชาชนเท่านี้ใช่หรือไม่ จะใช้วัคซีนประเภทนี้ใช่หรือไม่

ต่อข้อถามว่า การที่ข้าราชการที่ทำงานด้านวัคซีน เขาจะออก พ.ร.ก.ไม่ต้องรับผิดแสดงว่าคนทำงานมีปัญหาบางอย่าง เขาเลยกลัวเลยคิดไอเดียป้องกัน นายอนุทิน กล่าวว่า เขาไม่ได้กลัว แต่หัวหน้าส่วนราชการมีความเป็นห่วง ในหลายประเด็น เขาก็ดูมองหลายมิติ ท่านปลัดอาจห่วงแพทย์และห่วงตัวเอง ประเทศนี้กล่าวหาไว้ก่อน ผู้ถูกกล่าวหาต้องไปหาพยานมาสู้ แม้จะบริสุทธิ์ก็ต้องถูกกล่าวหา หาพยานหลักฐานมาแก้ต่างเป็นปัญหาที่เขาต้องกังวล

ถามว่า ร่าง พ.ร.ก.จะริเริ่มอะไรไว้ก่อน จะให้ตัดออกมั้ยหรือคุ้มครองผู้จัดหา นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องดูก่อน ซึ่งการคุ้มครองจะต้องคุ้มครองผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่ประมาทเลินเล่อ แต่ไม่ใช่ว่ายาเม็ดหนึ่งไปซื้อมา 500 บาท จะบอกว่าโปร่งใสก็ไม่คุ้มครอง ซึ่งตนยังไม่ได้อ่าน ตนก็มีคณะกฎหมาย ซึ่งก็ต้องถาม อ.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่าทำได้หรือไม่ ก็มีหลายขั้นตอนแต่ในฐานะเจ้ากระทรวง ตนก็มีความกังวลในการปฏิบัติงานก็ต้องทำให้มันสมดุลในการทำงานของลูกน้อง

ถามถ้าเอาตามร่างที่เสนอขึ้นมาคนทั้งประเทศเขาเห็นตัวร่าง ตนแปลกใจว่าคุณอนุทินไม่เห็น นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งประเทศเห็นตัวร่างเป็นไปไม่ได้ เขาอาจไปคัดบางส่วนมา มันก็อาจหลุดมา แต่ตัวร่างเต็มๆยังไม่เห็น

ถามว่า เท่ากับว่าคนกำหนดนโยบายการใช้วัคซีน ซื้อวัคซีนจะไม่ต้องรับผิดด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของทุกคนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย อย่าให้การเมืองมายุ่งเรื่องสาธารณสุข ทุกอย่างต้องมาจากหลักการแพทย์ หลักเทคนิค วันนี้ฝ่ายการเมืองไม่ได้เข้าไปยุ่ง ที่กระทรวงสาธารณสุขไม่ยาก จะทำอะไรจะต้องมีหลักทางวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากมายในการตัดสินใจ