วันที่ 10 ส.ค. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 2564 แก้ไขถอดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ประเภท 5 ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ดังนั้นนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.นี้พืชกระท่อมจะไม่เป็นยาเสพติดตามกฎหมาย และประชาชนจะสามารถนำมาปลูก เคี้ยว ต้มน้ำดื่ม หรือใช้เป็นยารักษาโรคตามวิถีชาวบ้าน รวมทั้งซื้อขายภายในท้องถิ่นและภายในประเทศได้โดยไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป แต่ห้ามนำสารเสพติดอื่นใดมาผสมทั้งสิ้น

“ร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. … ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. … เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา และกำลังเตรียมส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระประชุมเข้าสภาต่อไป ซึ่งในเนื้อหาสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อมฉบับนี้ หลักการก็ยังให้มีการปลูก ซื้อขาย บริโภคพืชกระท่อมภายในประเทศได้โดยเสรี ยกเว้นการนำไปใช้ในทางที่ผิดของเด็กและเยาวชน เช่น เอาไปผสมยาเสพติด ที่เรียกกันว่า 4×100 เป็นต้น และการซื้อขายนำเข้าส่งออกต่างประเทศในเชิงอุตสาหกรรมต้องขออนุญาตก่อน เพื่อไม่ให้สินค้าราคาตกและล้นตลาดจนเกินไป” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว

นายวิชัย กล่าวอีกว่า เมื่อกฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ก็จะส่งผลต่อผู้ต้องขังที่ถูกดำเนินคดีความผิดยาเสพติดพืชกระท่อมทันที โดยเฉพาะผู้ต้องขังเด็ดขาดในคดีจำหน่าย เสพ และมีพืชกระท่อมในครอบครองจำนวนกว่า 1,000 คน รวมทั้งผู้ต้องหาที่ยังอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีในชั้นจับกุม และการฝากขัง โดยสถิติการจับกุมผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อม ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63- 6 ส.ค.64 มีจำนวนทั้งสิ้น 7,404 ราย ใน 6,927 คดี ซึ่งเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวจะพ้นจากความผิดทันที