เป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้า หลังสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ในกรุงลอนดอน ได้เปิดเผยว่า “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” สวรรคตแล้วด้วยพระชนมพรรษา 96 ปี แต่รู้หรือไม่ว่า บนเส้นทางชีวิตที่หลายคนคุ้นภาพของพระราชินีของอังกฤษ ที่มีเจ้าชายฟิลิป อยู่เคียงข้างอยู่เสมอนั้น ได้ก่อเกิดเป็นตำนานความรัก จนเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายๆ คน..

ตำนานรักแรกพบ
ว่ากันว่า เจ้าหญิงเอลิซาเบธ (ในวัย 13 ปี) และเจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก (ในวัย 18 ปี) ทั้งสองพระองค์เป็นรักแรกพบกันอย่างแท้จริง โดยทั้งคู่เจอกันครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1939 ขณะที่ “เจ้าชายฟิลิป” มีพระชนม์ 18 ชันษา กำลังเป็นนักเรียนเตรียมทหารเรือ ขณะนั้น “พระเจ้าจอร์จที่ 6” และพระชายา “สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ” เสด็จเยือนวิทยาลัยทหารเรือดาร์ทเมาธ์ ระหว่างนั้นองค์ควีน ได้ทรงขอให้เจ้าชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระประยูรญาติห่างๆ พาพระธิดาทั้งสองพระองค์ คือ “เจ้าหญิงเอลิซาเบธ” กับ “เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต” เดินชมวิทยาลัย

มีการเล่าขานจนเป็นเลิฟสตอรี่แห่งวินด์เซอร์ว่า “เจ้าหญิงเอลิซาเบธ” ทรงตกหลุมรัก “เจ้าชายฟิลิป” ตั้งแต่แรกเห็น และนับแต่นั้นมา ทั้งคู่ก็เริ่มเขียนจดหมายรักถึงกัน กระทั่งในช่วงฤดูร้อน ปี ค.ศ.1946 ขณะที่ “เจ้าหญิงเอลิซาเบธ” มีพระชนม์ 20 ชันษา “เจ้าชายฟิลิป” ได้ทูลขอ “พระเจ้าจอร์จที่ 6” เพื่อเสกสมรสกับพระธิดาองค์โต

การเสียสละเพื่อรักแท้
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง “เจ้าชายฟิลิป” ทรงได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ แต่การอภิเษกสมรสจะมีขึ้นได้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือ เมื่อ “เจ้าหญิงเอลิซาเบธ” ทรงมีพระชันษาครบ 21 ชันษาเต็ม ในเดือน เม.ย. ปี ค.ศ.1947

ระหว่างนั้น เจ้าชายฟิลิปต้องสละพระอิสริยยศทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับราชวงศ์กรีซ และเดนมาร์ก หันมาใช้นามสกุลของลุง คือ “เมานต์แบ็ตเทน” ซึ่งแปลงมาจากนามสกุลเยอรมัน “บัทเทินแบร์ค” ขณะเดียวกัน ก็ทรงเปลี่ยนศาสนาจากนิกายกรีกออร์ทอดอกซ์ มาเป็นเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ พร้อมทั้งเปลี่ยนสัญชาติเป็นอังกฤษเต็มตัว และกลายเป็นสามัญชนข้าแผ่นดินสหราชอาณาจักร โดยเจ้าชายฟิลิปได้รับพระราชทานยศขุนนางเป็นดยุคแห่งเอดินเบอระ, เอิร์ลแห่งเมริออเน็ต และบารอนกรีนวิช

การประกาศหมั้นหมายอย่างเป็นทางการของทั้งคู่ มีขึ้นในวันที่ 10 ก.ค. 1947 ก่อนจะจัดพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่ ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เช้าวันที่ 20 พ.ย. 1947 มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี เพื่อให้ผู้ชม 200 ล้านคนทั่วโลก ได้ติดตามชมอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ดี หลังจาก “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” เสด็จขึ้นครองราชย์ ในปี1953 “เจ้าชายฟิลิป” ได้ทรงหันหลังให้กองทัพราชนาวีอย่างเด็ดขาด เพื่อมาทำหน้าที่ปรินซ์ คอนสอร์ท ช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจจากองค์พระประมุขของอังกฤษ กระนั้น ก็ทรงได้รับการติดพระยศพลอากาศเอกประจำกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร และทรงหันมาทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกบินเพื่อเป็นการชดเชย

คู่รักที่ยาวนานที่สุดของประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษ
นับตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 1947 ทั้งสองพระองค์ได้ครองรักกันอย่างยาวนานถึง 73 ปี ซึ่งเจ้าชายฟิลิป ทรงอยู่เคียงข้างควีนและคอยสนับสนุนควีนเสมอ ตามเสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายร้อยกว่าประเทศ

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เคยมีพระราชดำรัสถึงเจ้าชายฟิลิป ด้วยว่า “ท่านเป็นขุมพลังแข็งแกร่งที่ช่วยให้ข้าพเจ้ายืนหยัดอยู่ได้ในทุกวันนี้”

หลังการเสกสมรส ทั้งสองมีพระราชโอรสและธิดาดังนี้
1.เจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ (พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3)
2.เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี
3.เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ก
4.เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์
นอกจากนี้ ทั้งสองพระองค์ยังมี พระราชนัดดา (หลาน) 8 พระองค์ และพระราชปนัดดา (เหลน) 9 พระองค์

“กะหล่ำปลีน้อยของฉัน”
ในปี 2006 ภาพยนตร์เรื่อง The Queen มีฉากที่เจ้าชายฟิลิปกำลังจะเข้านอนและหันไปพูดกับว่าควีนเอลิซาเบธ “Move over, cabbage” (ขยับหน่อย กะหล่ำปลี) ทำเอาคนสะดุดกับคำนี้ และต่อมานักเขียนชีวประวัติของควีน ก็ยืนยันว่าเจ้าชายเรียกควีนว่า “กะหล่ำปลี” นั้น เป็นเรื่องจริง โดยมีที่มาคาดว่า คำดังกล่าวมาจากภาษาฝรั่งเศสที่ว่า “mon petit chou” แปลเป็นอังกฤษก็คือ my little cabbage (กะหล่ำปลีน้อยของฉัน) ซึ่งเป็นคำที่คนฝรั่งเศสใช้เรียกคนที่รัก มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า sweetheart เนื่องจากในวัยเยาว์ เจ้าชายฟิลิปเคยอยู่ที่ฝรั่งเศสนาน 7 ปี

การลาจาก..
เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2021 “เจ้าชายฟิลิป” สิ้นพระชนม์ ขณะพระชนมายุ 99 พรรษา และเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 8 ก.ย. (ตามเวลาประเทศอังกฤษ) เป็นห้วงเวลาที่นำมาซึ่งความโศกเศร้าอีกครั้ง เมื่อสำนักพระราชวังอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคตแล้ว สิริพระชนมพรรษา 96 พรรษา ภายหลังทรงครองสิริราชสมบัติกว่า 70 ปี

จากการสูญเสีย “เจ้าชายฟิลิป” ไปก่อนนี้นั้น ทำให้ในปี 2020 ทั้งสองพระองค์ได้ฉลองครบรอบแต่งงานปีที่ 73 ด้วยกัน และนั่น.. เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ฉลองครบรอบแต่งงาน.. เป็นวันที่ “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2” ได้ฉลองช่วงเวลาอันแสนพิเศษกับชายที่รัก ผู้ซึ่งเป็นรักแท้และรักเดียวของพระองค์ ที่ถือว่าเป็นคู่รักราชวงศ์ที่ยาวนานที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษ..