จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญในห้องเรียนคอมพิวเตอร์โรงเรียนแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งนักเรียนชายชั้น ม.3 พกปืนไทยประดิษฐ์มาอวดเพื่อนโรงเรียน แล้วลั่นใส่เพื่อนเสียชีวิต แล้วทางโรงเรียนให้ข้อมูลว่า เป็นคีย์บอร์ดระเบิดใส่หน้า สุดท้ายยอมรับเป็นเข้าใจผิด แต่เป็นเหตุยิงกันตาย จากนั้นมีการนำปืนไปโยนทิ้งคลองบางไผ่ ห่างจุดเกิดเหตุไม่ถึง 2 กม. และต่อมามีการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพื่อนนักเรียนผู้ตายเองรวมหลายราย เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ด่วน! เพื่อนนร.สารภาพแล้วเป็นเหตุ “ปืนลั่น” ไม่ใช่คีย์บอร์ดคอมพ์ระเบิด

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำตัวผู้ต้องหา 5 คน ที่ร่วมกันนำปืนที่ใช้ก่อเหตุไปทิ้งคลองบางไผ่ และเจ้าของปืนกระบอกดังกล่าว คือ ด.ช.โจ อายุ 13 ปี นายตั้ม อายุ 15 ปี นายบอย อายุ 17 ปี นายอาท อายุ 17 ปี และนายกฤติพงศ์ อายุ 18 ปี โดยผู้ต้องหาที่ยังอายุไม่ถึง 18 ปี นำส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัว 4 ราย ส่วนอีกรายอายุครบ 18 ปี นำส่งศาล จ.นนทบุรี

โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหา ช่วยเหลือปิดบังซ่อนเร้น ช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนนายบอย ถูกแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในการครอบครองเพิ่มอีก 1 ข้อหา หลังจากการสอบปากคำให้การรับสารภาพว่า เป็นคนนำปืนไทยประดิษฐ์ให้นายต้า จนกระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าว

สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 5 คน เรื่องที่นายต้า มาขอยืมอาวุธปืน รู้หรือไม่ว่านายต้าจะเอาปืนไปทำไม ซึ่งทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบและไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด จากนั้นพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องศาลเยาวชน โดยไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน มีเพียงนายกฤติพงศ์ เท่านั้นที่อายุครบ 18 ปี ต้องถูกนำตัวส่งศาล จ.นนทบุรี

เย็นวันเดียวกัน ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย น.ส.ปวีณา (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี มารดาน้องโชค เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสตร์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เพื่อสอบถามผลการดำเนินคดีและการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ และให้แม่ของน้องโชคให้การในฐานะผู้เสียหาย จะได้รับสิทธิตามมาตรา 44/1 และมีประเด็นข้อสงสัยที่จะสอบถาม เรื่องการตรวจเขม่าดินปืนที่มือของน้องต้าผู้ก่อเหตุ และเหตุที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหากับทางคณะครูอาจารย์ในโรงเรียน

น.ส.ปวีณา กล่าวว่า วันนี้อยากมาหาความจริงเกี่ยวกับคดี เลยพาทนายมาเป็นผู้หาคำตอบให้ เพราะสงสัยในหลายๆ ประเด็นไม่ว่าจะเรื่องการทำคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หาหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ เรื่องปืนที่เป็นข่าว ได้ตรวจเขม่าในบริเวณแวดล้อม วิถีกระสุนที่บอกว่าปืนลั่นมันมาทิศทางไหน อยากได้ความชัดเจนที่สุด ตนไม่เชื่อว่าเป็นปืนลั่น อย่างน้อยวันนี้มาเพื่อหาความจริงและความยุติธรรมให้ลูก ซึ่งนิสัยส่วนตัวของน้องโชคคือเป็นคนร่าเริง เพื่อนลูกบางคนที่ตนรู้จักคือเด็กกิจกรรม ไปเต้นด้วยกัน ตนไม่ทราบว่าเขาเป็นเพื่อนกับต้ามั้ย เพราะเขามองว่าทุกคนคือเพื่อน แต่ไม่เชื่อที่ต้าพูดว่าเป็นเพื่อนสนิทกับโชค จึงให้คุณทนายมาดูแล และอยากได้รับความจริงมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับคำอธิบายเรื่องวิถีกระสุนจากตำรวจ ตอนนี้ตำรวจสรุปคดีไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนได้ข้อมูลมาว่าไม่ใช่ ทำไมอยู่ๆ มาสรุป ซึ่งถ้ารู้สึกว่าลูกไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องไปยื่นหนังสือที่กระทรวงยุติธรรม

ทนายโป้ง กล่าวว่า ทั้งเพื่อนของน้องโชค ทั้งครู และตำรวจ ตั้งแต่ผู้การจังหวัด และผู้กำกับ แต่ละคนให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ซึ่งทางคุณแม่ไม่เชื่อใจว่า สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานมาทั้งหมด ค่อนข้างขัดแย้ง ด้วยนิสัยของลูกเขาไม่น่าจะมาถึงจุดนี้ ซึ่งตนคุยกับคุณแม่ทั้งคืน และประมวลดูแล้ว เขา 2 คน ทั้งน้องโชคกับคู่กรณีไม่น่าจะเป็นเพื่อนรักกันอย่างที่เป็นข่าว สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือพิสูจน์หลักฐานไม่พูดอะไรเลย สภาพศพที่คุณแม่เจอ ญาติเจอ มันขัดแย้งข้อเท็จจริง วิถีกระสุนเป็นแนวขึ้นไม่กดลง ไม่น่าจะปืนลั่น ชาวบ้านยังสงสัยว่าสิ่งที่ตำรวจพูดมันเป็นยังไง วันนี้ตนเลยนัดหมายผู้กำกับและรองผู้กำกับฝ่ายสอบสวนว่าจะชี้แจงข้อเท็จจริงยังไง คุณแม่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลย ทั้งที่เป็นผู้เสียหาย