เมื่อวันที่ 11 ส.ค. น.ส.ชลลดา หรือเก๋ เมฆราตรี พิธีกร นางแบบ นักแสดงชื่อดังในฐานะประธานมูลนิธิ​เดอะวอยซ์ เสียงจากเรา พร้อมด้วย นายพีระบุญ เจริญวัย ประธานองค์สวัสดิภาพสัตว์ เดอะโฮปไทยแลนด์ และทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.รัฐ​ศักดิ์​ รัก​ส​ลาม​ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผกก.สน.นิมิตใหม่ และ ร.ต.อ.หญิง วรัญญ์รัตน์ ศรีเพชร รอง สว.(สอบสวน)​ หลังถูกออกหมายเรียกกรณีเข้าไปช่วยเหลือสุนัขกว่า 44 ตัว ที่บ้านพักหลังหนึ่งในซอยนิมิตรใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีสุนัขกว่า 40 ตัว ถูกเลี้ยงอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วยความแออัด บางตัวป่วย ไม่ได้รับการรักษา โดยเมื่อเดินทางไปถึงพบชายเจ้าของบ้าน อายุ 59 ปี และมีการพูดจาตกลงกัน ก่อนนำสุนัขทั้งหมดไปตรวจสุขภาพ ทำการรักษา และหาผู้ดูแลต่อไป แต่ต่อมาเจ้าของบ้าน และเจ้าของสุนัข แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ชลลดา และนายพีระบุญ ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถานดังกล่าว

น.ส.ชลลดา พิธีกรสาว เปิดเผยว่า รู้สึกงงมากว่า ถูกออกหมายเรียกได้ไง เพราะก่อนเข้าไปช่วยเหลือสุนัขในบ้านดังกล่าว ได้ขออนุญาตเจ้าของสุนัขแล้ว ว่าจะเข้าไปช่วยเหลือสุนัข โดยชี้แจงวิธีการขั้นตอนว่าจะดำเนินการอะไร อย่างไรบ้าง ซึ่งทางเจ้าของสุนัขเองก็อนุญาตให้เข้าไปดำเนินการ ซึ่งวันที่เข้าไปช่วยเหลือก็มีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตใหม่ ไปด้วย ไม่ได้เข้าไปโดยพลการ โดยวันนั้นสุนัขที่เข้าช่วยเหลือมีทั้งหมด 44 ตัว หลังจากนั้นก็ได้นำสุนัขทั้งหมดไปตรวจร่างกาย และรักษาอาการป่วย โดยมีสุนัข 8 ตัวที่มีสุขภาพแข็งแรง ทางเจ้าของได้นำกลับไปเลี้ยงเอง ส่วนสุนัข 36 ตัวที่เหลือ ทางมูลนิธิ​ฯได้ทำการรักษาหาบ้านเจ้าของใหม่ให้ 32 ตัว เหลืออีก 4 ตัว ยังคงต้องรักษาตัวต่อเพราะมีพฤติกรรมหวาดระแวง กลัว ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ตนขอยืนยันว่าไปด้วยเจตนาดีช่วยเหลือสุนัข นำไปตรวจสุขภาพ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมภายหลังเจ้าของสุนัขจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับพวกตน วันนี้จึงมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และจะแจ้งความกลับดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ด้วย

พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 เปิดเผยว่าสำหรับเรื่องดังกล่าวต้องทำการสอบสวน เพื่อดูเจตนาของคู่กรณี เบื้องต้นพบว่ามีเจตนาดีทั้งคู่ คือเจ้าของก็รักสุนัขของตนเอง ในขณะที่ เก๋-ชลลดา ก็อยากเข้าไปช่วยเหลือสุนัขที่ถูกปล่อยปละละเลย ซึ่งต้องพิจารณา​จากข้อเท็จจริง ส่วนของข้อหาบุกรุกก็ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ ในการเข้าช่วยเหลือสุนัข ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนจะดูที่เจตนาเป็นหลักเพื่อสรุปว่าจะสั่งฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ต่อไป สำหรับข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ