“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาทำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีครั้งใหม่ โดยเงินบาทปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ซึ่งยังคงส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ต่อเนื่องจากการประชุมในรอบนี้ (20-21 ก.ย.) ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ไปที่กรอบ 3.00-3.25% พร้อมปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและมุมมองต่อระดับดอกเบี้ยนโยบายใน dot plots นอกจากนี้การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชีย และสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้เงินบาทมีจังหวะที่สามารถลดช่วงอ่อนค่าลงบางส่วนในระหว่างสัปดาห์ตามการดีดกลับของค่าเงินเยน หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดด้วยการซื้อเงินเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับไปอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ ยังมีแรงหนุนอย่างแข็งแกร่งจากการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ ตามแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด

ในวันศุกร์ที่ 23 ก.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.55 บาทต่อดอลลาร์ หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.57 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 ก.ย.)

ขณะที่ระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,563 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outlow ออกจากตลาดพันธบัตรประมาณ 7,930 ล้านบาท (แบ่งเป็น ขายสุทธิพันธบัตร 7,925 ล้านบาท และตราสารหนี้ที่หมดอายุ 5 ล้านบาท) หรือเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

สัปดาห์ถัดไป (26-30 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.00-37.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง). โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ยและมุมมองต่อสถานการณ์เงินบาท ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติและสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อ PCE/Core PCE Price Index เดือน ส.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/65 (final) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอินเดีย อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจจีน อาทิ กำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. และดัชนี PMI เดือน ก.ย.