เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมแถลงสรุปภาพรวมการชุมนุมในวันนี้

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า สรุปไทม์ไลน์เหตุการณ์ในวันนี้ กลุ่มทะลุฟ้าได้มีการประกาศเชิญชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ นัดหมายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นเวลา 14.45 น. มวลชนทยอยมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เวลา 15.45 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเผาสิ่งของบนถนน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการอยู่บริเวณนั้น ได้เข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย

เวลา 15.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาสิ่งของ ขวดน้ำ ก้อนหิน ประทัดยักษ์ และยิงพลุใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้จับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวนหนึ่ง

เวลา 15.55 น. แกนนำกลุ่มทะลุฟ้าประกาศยุติการชุมนุม หลังจากนั้นผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลักอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และพื้นที่โดยรอบ

เวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวมาที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เจ้าหน้าที่ประกาศว่าการกระทำของผู้ชุมนุมมีความผิดนามกฎหมาย ขอให้ยุติการชุมนุม และแจ้งเตือนไม่ให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามตามประกาศ เพื่อความปลอดภัยและไม่กระทบหรือกีดขวางการทำงานของตำรวจ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อฟัง พยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ รื้อรั้วลวดหนาม และฝ่าแนวสิ่งกีดขวางที่ตำรวจวางไว้

เวลา 17.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทุบทำลายรถยนต์ของทางราชการ และเผารถยกของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหาย 2 คัน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุและเกี่ยวข้องในครั้งนี้

สำหรับการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ จะมีความผิดในข้อหา 1.ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง 2.ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ 3. วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และ 4.ทำให้เสียทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และ พ.ร.บ.จราจรทางบก อีกส่วนหนึ่งด้วย

และจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในครั้งนี้ เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 8 นาย ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกพลุไฟของกลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนี้ยังมีตำรวจจำนวน 2 นาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อย ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมทำร้ายขณะเดินทางกลับที่พัก

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีทวิตเตอร์ชื่อ “ออโต้” ได้โพสต์ข้อความว่า “ตำรวจเอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือผู้ชุมนุมแล้วทำให้ประทัดยักษ์แตก เกินไปหรือเปล่า #ม็อบ11สิงหา” โดยมีภาพชายคนหนึ่ง ที่บริเวณมือข้างหนึ่งถูกระเบิดทำให้เนื้อหลุดหายไป ซึ่งขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรณีดังกล่าวมีผู้ชุมนุมรายหนึ่งพยายามจุดประทัดยักษ์เพื่อจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ประทัดยักษ์ได้เกิดระเบิดเสียก่อนจนทำให้เจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ ก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บด้วย

ทั้งนี้ อยากฝากความห่วงใยไปยังผู้ปกครองของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งบางคนยังเป็นเยาวชน ซึ่งยังมีวุฒิภาวะยังน้อย อาจถูกชักจูงให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการมาร่วมชุมนุม นอกจากนี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่พยายามนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จะมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสื่อสารทำความเข้าใจเพื่อให้ผู้ชุมนุมทราบถึงเหตุผลที่ตำรวจต้องปฏิบัติการตามกฎหมาย โดยตำรวจยอมรับเหตุผลการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่างและพยายามรักษาสมดุลการบังคับใช้กฎหมายกับการเปิดพื้นที่การแสดงออกกับผู้ที่มาร่วมชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และความรุนแรงโดยแท้จริง แต่ก็เป็นที่น่าเสียใจว่าการชุมนุมในวันนี้ยังคงมีบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งเราเชื่อว่าไม่ได้เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการแสดงออกถึงความเห็นต่าง เนื่องจากภาพที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ บุคคลเหล่านี้พยายามยั่วยุ ใช้ความรุนแรง และมุ่งทำลายทรัพย์สินของทางราชการอยู่ตลอดเวลา

โฆษก ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจขอเน้นย้ำว่า พวกเราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าเหตุเหล่านี้จะเกิดขึ้นใจกลางเมืองหลวงของประเทศ อย่างไรก็ตาม ตำรวจจำเป็นต้องทำหน้าที่ปฏิบัติการเพื่อคืนพื้นที่ความสงบให้สังคม และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด สำหรับผู้กระทำผิดบางคนที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้ เราตรวจพบเชื้อโควิด อยากฝากเตือนผู้ที่มาร่วมชุมนุมในครั้งต่อๆ ไปว่าอาจะไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับตัวท่านในการมาร่วมชุมนุม.