สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ว่า นายฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประณามสหรัฐ “สนับสนุนผู้ก่อการจลาจล” เพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของอิหร่าน
Iranian women are cutting their hair and burning headscarves to protest their country's morality laws, following the death of Mahsa Amini.
— DW News (@dwnews) September 25, 2022
Iran's President Raisi commented on the unrest, saying protesters should be "confronted decisively." pic.twitter.com/zvm9sF38ab
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเตหะรานเชิญเอกอัครราชทูตนอร์เวย์และสหราชอาณาจักรเข้าพบ “เพื่อแสดงความวิตกกังวล”ต่อ “การแสดงท่าทีก้าวร้าว” ของทั้งสองประเทศ ที่มีต่อสถานการณ์ประท้วง และการแสดงจุดยืนสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการจลาจล
การประท้วงครั้งใหม่ในอิหร่านยืดเยื้อตั้งแต่กลางเดือนนี้ โดยมีชนวนเหตุมาจากเสียชีวิตของ น.ส.มาห์ซา อมินี หญิงสาวชาวอิหร่าน วัย 22 ปี ซึ่งถูกตำรวจศีลธรรมจับกุม ในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา “ฐานแต่งกายไม่สุภาพ” เนื่องจากไม่สวมฮิญาบคลุมศีรษะให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ อมินีเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเตหะราน ในอีก 3 วันต่อมา ด้านสำนักงานตำรวจศีลธรรมยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายหญิงสาวด้วยการจับศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับรถสายตรวจ แล้วใช้กระบอกทุบตีไปที่ศีรษะของเธอ ตามที่สื่อหลายแห่งรายงาน โดยทางการอิหร่านยืนยันข้อมูลของตัวเองว่า อมินีเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
แม้ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่าน พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ด้วยการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจสอบสวนเรื่องนี้ และยืนยันการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม การปราบปรามและควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคงเป็นไปด้วยความเด็ดขาด สื่อของรัฐบาลเตหะรานรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 41 ราย แต่หน่วยงานสิทธิมนุษยชนหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศกล่าวว่า สถิติจริงอาจมากกว่านั้น “ไม่ต่ำกว่าสองเท่า”.
เครดิตภาพ : REUTERS