นายอาเจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป๋นตลาด 5จี ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยการสนับสนุนของภาครัฐ และหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงการขยายโครงข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ทำให้บริการ 5จี ขยายครอบคลุม 81% ของพื้นที่และจะเพิ่มเป็น 90% ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การให้บริการในปัจจุบัน เป็นการใช้อินเทอร์เน็ตของผู้บริโภคเท่านั้น ขณะที่ การใช้งานภาคอุตสาหกรรม ยังไม่มียูสเคสที่นำมาใช้งานมากนัก โนเกียจึงต้องการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของยูสเคสที่จะมาช่วยกลุ่มเป้าหมาย ทั้งคอนซูมเมอร์ กลุ่มองค์กร และอุตสาหกรรม ได้ใช้งานเน็ตเวิร์กแบบปิดเฉพาะในอุตสาหกรรม นอกจากนี้โนเกียอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งศูนย์นวัตกรรม 5จี ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันโนเกียเองมีศูนย์ 5จี อยู่ 17 แห่งทั่วโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีตั้งอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์

นายอาเจย์ ชาร์มา กล่าวต่อว่า ประเทศไทย เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรกๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดตัว 5จี เพื่อใช้ในการผลักดันและพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญด้านการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ และสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกิจการด้านดิจิทัล ด้วยการเน้นถึงการปรับใช้งานเทคโนโลยี 5จี เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในหลายกลุ่ม ด้านการสาธารณสุข การศึกษา การคมนาคม และการเกษตรกรรม

ทั้งนี้ภายในงาน  Byond Mobile 2022 โนเกียได้นำนวัตกรรมล่าสุดของบริษัทมาจัดแสดงผ่านการสาธิตแบบอินเตอร์แอคทีฟ ตั้งแต่การใช้งาน 5จี ไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานที่เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของผู้ใช้งานที่เป็นผู้ประกอบการระดับองค์กรจนถึงระดับผู้บริโภค การเข้าร่วมในงานครั้งนี้ของโนเกีย เป็นการตอกย้ำถึงพันธกิจของบริษัทกับการมีส่วนร่วมเพื่อนำพาประเทศไทยเดินหน้าสู่ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรม และกำหนดเส้นทางสู่ความเป็นผู้นำด้าน 5จี ในประเทศไทยด้วย