สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่า กรอบการทำงานดังกล่าว ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการซัสเทนเนเบิล ซีส์ เนชั่นแนล ไซเอนซ์ ชาลเลนจ์ ( Sustainable Seas National Science Challenge ) กำหนดวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมสาหร่ายในอนาคต และการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ที่ว่านี้ รวมถึงแผนงานตามลำดับความสำคัญและช่องว่างของความรู้ ซึ่งได้รับการปรับปรุงผ่านกรณีศึกษาของอุตสาหกรรม
วิสัยทัศน์ที่ระบุในกรอบการทำงาน ประกอบด้วยการทำให้ผู้คนที่หลากหลายมีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสาหร่าย การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง การสร้างตำแหน่งงาน และการสร้างประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการทำฟาร์มอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ สาหร่ายถือเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับนิวซีแลนด์ ซึ่งสามารถถูกแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์หลายประเภท ตั้งแต่อาหารและปุ๋ยไปจนถึงครีมกันแดดและอาหารเสริม โดยบริษัทนิวซีแลนด์บางแห่งได้เริ่มทำฟาร์มสาหร่ายเชิงพาณิชย์แล้ว
นายร็อบ เมเจอร์ ผู้นำโครงการนี้ และนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ประจำสถาบันคอว์ธรอน องค์กรทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ในนิวซีแลนด์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมและบริษัทแต่ละแห่งจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากกรอบการทำงานตามที่เห็นสมควรและปรับแต่งตามความต้องการ
ขณะที่ นายไนเจล แบรดลีย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) ของเอ็นไวโรสแตรต ( EnviroStrat ) อีกหนึ่งผู้ร่วมดำเนินโครงการ ให้ความเห็นว่า กรอบการทำงานช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจำแนกและจัดลำดับความสำคัญของโอกาส ในการบรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่า สาหร่ายมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนระบบนิเวศ ชุมชน และวัฒนธรรมที่กำลังเติบโต.
ข้อมูล : XINHUA
ภาพ : GETTY IMAGES