เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าติดตาม กรณีสุนัขขย้ำเด็กหญิงวัย 7 ขวบ อาการสาหัส ในพื้นที่ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุในวันนี้ พบว่าบ้านที่ ด.ญเคราะห์ร้ายที่โดนสุนัขขย้ำบาดเจ็บสาหัสปางตาย ประตูหน้าบ้านล็อก ไร้วี่แววของคนที่อยู่ในบ้าน ส่วนบ้านคู่กรณีที่อยู่ตรงข้ามกันก็ไร้วี่แววคนที่อยู่ในบ้าน หรือแม้กระทั่งสุนัขที่เคยเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้าน ก็ไม่เห็นเช่นกัน

จากการสอบถาม ป้ารัศมี อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในวันที่เกิดเหตุว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นตนได้นำรถเก็บเข้าบ้านและได้ยินเสียงเด็กร้อง ตนก็เลยวิ่งตามไปดู ตอนนั้นที่ต้นเหตุเหตุการณ์คิดว่าช่วยไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะว่าเด็กได้ล้มลงไปและสุนัขกำลังขย้ำเด็ก โดยที่น้องคนเล็กสุดได้วิ่งนำออกมา พอตนไปถึงสุนัขได้แยกออกจากน้องอายุ 7 ขวบแล้ว และเห็นสุนัขตัวดังกล่าววิ่งไปทางด้านหลัง โดยตนเพียงแต่เห็นสุนัขดังกล่าวว่าเป็นตัวสีดำ หลังจากนั้นตนจึงรีบไปช่วยเด็ก เบื้องต้นบริเวณดังกล่าวมีสุนัข 2-3 ตัว และสุนัขตัวที่กัดเด็กนั้นอยู่ในซอย แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นสุนัขที่ผู้ใดเลี้ยงไว้

โดยในช่วงบ่ายวันนี้ทีมพิสูจน์หลักฐานของสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดรวมทั้งเก็บคราบเลือด DNA เพื่อไปเปรียบเทียบว่า เลือดนั้นตรงกับเด็กหรือไม่ และเก็บหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะเรียกคู่กรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่า เป็นเจ้าของสุนัขมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง จากการที่กองพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่เกิดเหตุ ทางผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของสุนัขก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า สุนัขที่ขย้ำเด็กนั้นไม่ใช่สุนัขของตน ซึ่งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ 12 ตุลาคม 2565 สุนัขตัวดังกล่าวก็ยังหาตัวไม่เจอ และไร้วี่แววที่จะเข้ามาเดินเพ่นพ่านในหมู่บ้าน

สลด!สุนัขพันทางขย้ำเด็กหญิง7ขวบ แก้มหายหวิดตาบอด

สำหรับอาการบาดเจ็บของน้องขณะนี้ นายกิตติศักดิ์ พ่อของเด็ก กล่าวว่า หลังจากที่น้องออกจากห้องผ่าตัดแล้ว หมอได้ทำการเย็บบาดแผลทั้งนอกและในรวมกว่า 300 เข็ม ซึ่งตอนนี้อาการน้องปลอดภัยแล้ว แต่หมอยังต้องให้พักรักษาตัวดูอาการต่อไป ถ้าหากไม่มีอาการติดเชื้อใดๆ ประมาณ 2 อาทิตย์ ก็สามารถตัดไหมออกได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือสภาพจิตใจของน้อง เนื่องจากยังมีอาการผวาอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากอยู่ห่างจากผู้ปกครอง และยังคอยถามพ่อ-แม่อยู่ตลอดเวลา ว่า ตนเองจะกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ ตนเองต้องคอยปลอบใจลูกตลอดเวลาว่า คุณหมอสามารถรักษาให้กลับมาปกติได้แน่นอน ในเรื่องของการรักษา ตอนนี้ตนเองก็รักษากันเอง ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบหรือช่วยเหลือเยียวยา