สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.13 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงหนึ่งของการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นางลิซ ทรัสส์ แถลงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรและหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม แล้วแข็งตัวขึ้นอีกเล็กน้อยหลังจากนั้น ก่อนอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.12 ดอลลาร์สหรัฐ ทว่ายังถือเป็นการทะยานของเงินปอนด์ในระดับสูง หลังอ่อนค่ามานานหลายสัปดาห์
"I cannot deliver the mandate on which I was elected by the Conservative Party"
— BBC Breaking News (@BBCBreaking) October 20, 2022
UK Prime Minister Liz Truss resignshttps://t.co/O5kO1WJ4tY pic.twitter.com/Gq6FtOGNIP
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของตลาด สะท้อน “ความโล่งใจ” แม้บรรยากาศผันผวนยังคงอยู่ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ “ต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด” เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วน จากแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัสส์ ซึ่งเสนอการใช้งบประมาณ “มหาศาล” แต่กลับยังไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทุนได้อย่างชัดเจน กลายเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของตลาด
Liz Truss has resigned as UK prime minister – this is how we got here https://t.co/6IQqrIwLky pic.twitter.com/efDYmDixjK
— BBC News (UK) (@BBCNews) October 20, 2022
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรก้าวข้ามผ่านวิกฤติตลอดยุคทศรรษที่ 1990-2000 มาได้ตลอด โดยอาศัยการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) และกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ในเอเชียเป็นหลัก อีกทั้งตอนนั้นสหราชอาณาจักร ยังเป็นส่วนหนึ่งของอียู จึงได้รับผลประโยชน์ร่วมจากการซื้อขายพลังงานในราคาถูก และการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี ช่วยให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศอยู่ในระดับต่ำ จนกระทั่งเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม.
เครดิตภาพ : REUTERS