เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ได้มีผู้เสียหาย 5 คน เดินทางเข้าพบ “นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ” ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากโดนบ่อนพนันอุ้มรีดเงินไป 5 ล้านบาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยผู้เสียหายได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า พวกตนได้เข้าไปเล่นพนันในบ่อนพื้นที่ ถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรม เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยไปเล่นมาแล้ว 2 วัน รวมวันที่ 19 เป็นวันที่สาม กระทั่งประมาณ 6 โมงเย็น มีตัวแทนบ่อนเชิญพวกตนไปพูดคุยที่ชั้น 2 ของอาคาร ก่อนจะมีการกล่าวหาว่า พวกตนโกง เล่นพนันไพ่เสือมังกร ทำให้บ่อนเสียเงินจำนวนมาก

ระหว่างนั้นพวกตนได้แจ้งตำรวจ 191 ให้มาช่วยเหลือ ซึ่งทางตำรวจก็ยังบอกว่าสถานที่แห่งนี้มันบ่อนพนันไม่ใช่หรือ พวกตนยืนยันว่าใช่ เพราะโดนคุมตัวอยู่ชั้น 2 แต่ปลายสายก็ตัดไปแล้วก็ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

ต่อมามีคนของทางบ่อนเดินขึ้นมา และแจ้งว่ามีคนในกลุ่มผู้เสียหายติดต่อโทรแจ้งตำรวจ จึงได้มีการเคลื่อนย้ายกลุ่มตนเองขึ้นรถตู้ โดยอ้างว่าจะพาไปที่สน. แต่ปรากฏว่ามีการพามาจอดพักรถไว้ที่ย่านถนนเลียบมอเตอร์เวย์ เป็นเวลานานราวชั่วโมงครึ่ง มาทราบภายหลังว่าเป็นช่วงเวลาที่มีทางตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่บ่อนการพนันดังกล่าว เมื่อตำรวจออกจากบ่อนแล้ว กลุ่มการ์ดก็คุมตัวพวกตนขึ้นรถตู้ ย้อนกลับมาที่บ่อนอีกครั้ง

ต่อมา เวลาประมาณเที่ยงคืน เริ่มมีการพาคนในกลุ่มออกไปทีละคน ซึ่งทุกคนจะโดนทำร้ายร่างกาย ทั้งการเอาถุงดำคลุมหัว เอามือปิดจมูกและปาก และมีการซ้อมทำร้ายร่างกายเพื่อรีดเอาเงิน โดยกลุ่มคนที่ทำร้ายอ้างว่าเป็นทหาร ซึ่งตลอดการซ้อมทำร้ายร่างกายจะถามตลอดว่า มีเงินเท่าไหร่ให้เอามาให้หมด ซึ่งกลุ่มคนที่รุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทุกคนมีมากกว่า 10 คน จนสุดท้ายทนไม่ไหว ต้องยอมบอกรหัสโทรศัพท์ เพื่อให้กลุ่มที่รุมทำร้ายกดโอนเงินออกจากบัญชีไป โดยรวมแล้วเป็นเงินจำนวนกว่า 5 ล้านบาท เมื่อได้เงินไปตามที่ต้องการแล้ว ก็พาตัวกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดขึ้นรถตู้ และนำมาทิ้งไว้ที่บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า พร้อมข่มขู่ว่าหากมีการแจ้งความดำเนินคดี จะตามไปฆ่าทิ้ง มีการถ่ายบัตรประชาชนของกลุ่มผู้เสียหายไว้ทุกคน เพื่อแสดงให้เห็นว่า รู้ข้อมูลที่อยู่ของผู้เสียหายทุกคน

ต่อมาประมาณช่วงเดือนกันยายน ได้มีหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจกลับให้แจ้งข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” และมีการประสานไปที่ตัวแทนของบ่อนการพนัน และมีการส่งบุคคลเข้ามาทำบันทึกต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่า จะคืนเงินตามจำนวนที่มีการเอาออกไปจากบัญชีของผู้เสียหาย แต่สุดท้ายมีการคืนเงินมาเพียงจำนวน 500,000 บาทจากจำนวนเงิน ทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท ของผู้เสียหายรายนี้ ในวันนี้ผู้เสียหายทั้งหมดจึงตัดสินใจรวมตัวกันเดินทางมาขอความช่วยเหลือจาก “สายไหมต้องรอด” เพื่อให้ติดตามเงินจำนวนดังกล่าวคืน เพราะเงินจำนวนดังกล่าว ผู้เสียหายถูกบังคับให้โอนไป มีเงินส่วนตัวของกลุ่มผู้เสียหายรวมอยู่ด้วย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง

นายเอกภพ กล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับทางผู้เสียหายทำให้ทราบว่า บ่อนการพนันดังกล่าวถือวเป็นบ่อนใหญ่ เพราะทราบว่ามีหลากหลายการเล่นการพนัน ทั้งเสือมังกร , บาคาร่า , กำถั่ว หลากหลายวง อยู่ในพื้นที่อาคารเดียวกัน และมีคนเข้าไปเล่นจำนวนมากตลอดทั้งวันทั้งคืน

การที่ตำรวจทราบว่าเป็นสถานที่เล่นการพนันแต่กลับไม่เข้าไปดำเนินการใด ๆ ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ รวมถึงเมื่อผู้เสียหายมีการเข้าไปแจ้งความ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าต้องเข้าข่าย “การปล้นทรัพย์” เพราะมีผู้ก่อเหตุมากกว่า 10 คน แต่ตำรวจกลับให้แจ้งข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” โดยบอกกับผู้เสียหายว่า การที่เสียเงินไปถือว่าเป็นการเสียทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการจงใจแจ้งข้อหาที่ไม่ตรงกับการกระทำความผิด เพราะการปล้นทรัพย์ถือเป็นความผิดอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้ แต่การทำให้เสียทรัพย์สามารถจบลงได้ด้วยการเจรจาคืนเงิน รวมถึงพฤติกรรมในการทำร้ายร่างกายที่ใช้ถุงดำคลุมหัว ถือว่าเข้าข่าย “พยายามฆ่า” แต่กลับไม่มีการพูดถึงในประเด็นนี้

นายเอกภพ กล่าวด้วยว่า นอกจากเงินที่บังคับโอนแล้ว ยังมีการนำทรัพย์สินอื่น ๆ เช่นโทรศัพท์มือถือและสร้อยทองต่าง ๆ ไป และไม่มีการคืน และไม่มีการพูดถึงในการลงบันทึกประจำวันด้วย หลังจากได้รับการประสานในวันนี้ จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมดและประสานขอความช่วยเหลือไปที่ผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับการเจ้าของพื้นที่ เพื่อขอความช่วยเหลือในกรณีนี้ต่อไป.