เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายภควัต ตันสกุล อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยของผู้นำหรือผู้แทนเขตเศรษฐกิจ เพื่อมาร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ท่าอากาศยานที่ใช้สำหรับการต้อนรับ ประกอบด้วย ท่าอากาศยานกองบิน 6 (บน.6) กองทัพอากาศ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ขณะที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ใช้เป็นสถานที่จอดเครื่องบินเท่านั้น หากท่าอากาศยานในกรุงเทพฯ มีที่จอดเครื่องบินไม่เพียงพอ ทั้งนี้พิธีต้อนรับผู้นำที่ท่าอากาศยานนั้น จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลให้การต้อนรับ ส่วนโรงแรมที่พักของผู้นำมี 20 แห่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ

สำหรับพิธีต้อนรับคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมฯ จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 18 พ.ย. นี้ เริ่มตั้งแต่เวลา 08.45 น. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับและสัมผัสมือผู้นำแต่ละเขตเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน มีผู้นำที่เดินทางมาพร้อมกับคู่สมรสด้วย ซึ่งล่าสุดได้รับแจ้งว่ามีผู้นำจาก 9 เขตเศรษฐกิจ ที่พาคู่สมรสมาด้วย โดยกำหนดการของคู่สมรสดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 18 พ.ย. เช่นกัน ซึ่งภริยานายกรัฐมนตรีของไทย จะนำคณะคู่สมรสไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ภายในศูนย์ศิลปาชีพ จ.พระนครศรีอยุธยา และภริยานายกรัฐมนตรี จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 14.00 น.

จากนั้น คณะผู้นำเขตเศรษฐกิจพร้อมคู่สมรสมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวลา 17.30 น. ต่อมาเวลา 20.30 น. เป็นการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว รวมประมาณ 300 คน ที่หอประชุมกองทัพเรือ โดยนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นเจ้าภาพ สำหรับเมนูอาหารสำหรับผู้นำ ปรุงโดยนายชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดังของไทย ขณะเดียวกันจะมีการแสดงกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยจะมีการจำลองบรรยากาศย้อนยุคและงานวันลอยกระทงภายในงานนี้ด้วย

ส่วนของที่ระลึกสำหรับผู้นำเอเปค ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ประกอบด้วยภาพดุนโลหะจากชุมชนวัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่, กล่องใส่เครื่องประดับตกแต่งด้วยภาพดุนโลหะจากชุมชนวัดศรีสุพรรณ มอบให้คู่สมรส ซึ่งภาพดุนโลหะใช้วัสดุรีไซเคิล, เนกไท ผ้าคลุมไหล่ ผ้าเช็ดหน้า หน้ากากผ้า ที่เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าไหมทอมือย้อมสีธรรมชาติ จาก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งพิมพ์ลายตราสัญลักษณ์ชะลอม วางเป็นรูปลายประจำยาม, สมุดรายนามผู้ผลิตผ้าไหมและผู้ประกอบการทั่วประเทศฉบับพิเศษ จัดทำโดยสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ, เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก จัดทำโดยกรมธนารักษ์ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานของที่ระลึกแก่คณะผู้นำและคู่สมรสด้วย ได้แก่ กรอบรูปถมเงินที่จะใส่รูปผู้นำขณะเข้าเฝ้าฯ ซึ่งจะมอบให้ภายหลัง และกล่องลิเภาเลี่ยมขอบเงิน

สำหรับการซ้อมใหญ่การเดินขบวนรถผู้นำเอเปคนั้น กรมพิธีการทูตและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจัดซ้อม 2 ครั้ง คือ 1.วันที่ 6 พ.ย. เริ่มปิดถนนเวลาประมาณ 19.00 น. เส้นทางตั้งแต่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ไปยังโรงแรมที่พัก 20 แห่ง, พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท, หอประชุมกองทัพเรือ แล้วกลับมายังศูนย์ประชุมฯ 2.วันที่ 12 พ.ย. ปิดถนนตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น. เส้นทางจากศูนย์ประชุมฯ ไปท่าอากาศยาน บน.6, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปโรงแรมที่พัก แล้วกลับมาที่ศูนย์ประชุมฯ ซึ่งการซ้อมใหญ่เหล่านี้ จะมีการปิดถนนหลายสายและทางด่วนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ทำหนังสือเวียนส่งถึงคณะรัฐมนตรี กระทรวง และกรมต่างๆ มีสาระสำคัญที่ว่า ครม. มีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขต กทม., นนทบุรี, สมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (เพิ่มเติม) ดังนี้

1.ในการประชุม ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. 2565 จะมีการปิดการจราจรในเส้นทางโดยรอบศูนย์การประชุมสิริกิติ์ และให้งดใช้สวนเบญจกิติด้วย

2.การให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. 2565 จะงดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารเฉพาะสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จนกว่าการจัดการประชุมจะเสร็จสิ้น

3.ให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปิดการจราจร พิจารณางดการจัดการเรียนการสอนหรือจัดกิจกรรมใดๆ ในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย. 2565 ยกเว้นในกรณีที่มีภารกิจสำคัญจำเป็นต้องดำเนินการในช่วงวันดังกล่าว อันมิอาจหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนออกไปได้

4.ในช่วงค่ำวันที่ 18 พ.ย. 2565 จะมีการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเอเปคที่หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งจะมีการเดินทางไป-กลับของผู้นำประเทศและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากหลายเส้นทาง จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ให้หลีกเลี่ยงหรืองดใช้รถใช้ถนนในเส้นทางที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการสัญจรทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะมีการปิดการจราจรทางน้ำในวันที่ 18 พ.ย. ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับผู้นำที่ยืนยันเข้าร่วมประชุมฯ ขณะนี้ 14 ราย (ไม่รวมไทย) ได้แก่ 1.นายแอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย 2.สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ นายกรัฐมนตรีบรูไน 3.นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา 4.นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน 5.นายจอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง 6.นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย 7.นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

8.นายแกเบรียล บอริช ประธานาธิบดีชิลี 9.นายเปโดร แคสเทลิโอ ประธานาธิบดีเปรู 10.นายมาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ 11.นายเหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม 12.นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ 13.นายเจมส์ มาราเป นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี 14.นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์

ส่วนผู้นำเขตเศรษฐกิจที่มีกำหนดการพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล คือ ผู้นำเวียดนาม ในวันที่ 16 พ.ย., ผู้นำฝรั่งเศสและจีน ในวันที่ 17 พ.ย., มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 18 พ.ย. นี้