เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ความคืบหน้ากรณีทหารกัมพูชา ยศพันเอก ชื่อ ซก บันพอ (SOK BANPHOL) อายุ 33 ปี ขับรถยนต์จี๊ป ทะเบียน กัมพูชา ฝ่าด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จว.สระแก้ว เข้ามาในราชอาณาจักรไทย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (5 พ.ย.) โดยไม่ผ่านการตรวจอนุญาตจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจที่ด่านตรวจความมั่นคง (เอเปค) บ้านน้ำซับ ต.สระขวัญ อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว โดยมีอาวุธปืนติดตัวมาด้วย กระทั่งมีการไล่ล่าติดตามและหยุดสกัดรถไว้ได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงวัฒนานคร อ.วัฒนานคร โดยไม่ยอมลงจากรถแล้วปิดล้อมทั้งคืนกระทั่งยอมลงรถพร้อมกับอาวุธปืนพกสั้น ก่อนชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว บุกเข้าชาร์จจับกุมตัวได้สำเร็จ พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น แบบออโตเมติก ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ ซีแซด รุ่น พี-07 หมายเลขประจำปืน D105961 และกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 17 นัด

ไม่ส่งตัว ‘พันเอก’ คลั่งขับจี๊ปแหกด่านกลับ ดำเนินคดีในไทยอ่วม 4 ข้อหา

หลังนำตัว พ.อ.ซก บันพอ ไปตรวจร่างกายที่ รพ.วัฒนานคร ซึ่งมีความเครียดและความดันขึ้นสูง พักจนอาการดีขึ้นจึงคุมตัวกลับมาที่ สภ.วัฒนานคร ช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. โดยทาง พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ได้สั่งการให้เฝ้าคุมเข้มตลอดเวลา ซึ่งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 คน คุ้มกันและพาตัวเข้าไปห้องขัง แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอม โวยวายและร้องตลอดเวลา พยายามที่จะงัดและดึงประตูห้องขังไว้ เบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้การหรือพูดคุยกับพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดและดูภาพความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาตลอด 24 ชม. และหากต้องนำตัวมาสอบสวนจะต้องใช้เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 4 นาย โดยการดำเนินคดีทางผู้บังคับบัญชาให้ประสานกับทางการกัมพูชา ซึ่งได้รับการตอบกลับจากทางกัมพูชาว่า ให้ดำเนินคดีฝั่งไทยตามกฎหมายให้เรียบร้อยก่อนจึงส่งตัวผลักดันกลับประเทศกัมพูชา

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งมีทั้งหมด 6 ข้อหาตามที่ผู้บังคับบัญชาระบุตามที่แถลงข่าวไปแล้วนั้น ประกอบด้วย 1.เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2.ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ 3.ขับรถในทางโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 4.ทำให้เสียทรัพย์ 5.มี, ทำ, สั่งนำเข้าซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะฯ และ 6. ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ด่านความมั่นคง จ.สระแก้ว ซึ่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรองรับการประชุมผู้นำเอเปคและเทศกาลลอยกระทง ยังคงมีการตั้งด่านตรวจค้นรถที่สัญจรผ่านจังหวัดสระแก้วเป็นปกติ ส่วนด่านผ่านแดนถาวรระหว่างไทย-กัมพูชา ที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ยังคงเปิดด่านให้คนไทย กัมพูชา และนักท่องเที่ยว สามารถผ่านข้ามแดนได้ปกติเช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด.