วันที่ 16 ส.ค. ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับหนังสือร้องทุกข์จาก น.ส.จิตรลดา แพร่ไพศาลภูบาล และกลุ่มผู้เสียหายกรณีถูกมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่วัดชื่อดังใน จ.นนทบุรี หลอกให้โอนเงินจองฉีควัคซีนซิโนฟาร์ม มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

น.ส.จิตรลดา กล่าวว่าก่อนหน้านี้วัดดังกล่าวได้จัดโครงการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชาชนทั่วไปและมีการให้ลงทะเบียนผ่านระบบ QR Code ตนเห็นว่ายังมีคนรู้จักอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและบางคนเข้าไม่ถึงวัคซีน ในฐานะคนกลางจึงชักชวนผู้ที่สนใจสมัครฉีดวัคซีนทั้งหมด 465 ราย และได้จ่ายค่าวัคซีนรายละ 2,500 บาท ให้กับอดีตเจ้าหน้าที่วัดอายุ 39 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือและมีหน้าที่บริหารจัดการเรื่องการฉีดวัคซีนภายในวัด โดยได้โอนเงินจ่ายค่าวัคซีนของผู้เสียหายรายอื่นด้วยรวม 7 ครั้ง ผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวนเงิน 1,162,500 บาท และเมื่อถึงกำหนดนัดฉีดที่โรงพยาบาลมิชชั่น วันที่ 10-11 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้ทยอยไปรอรับวัคซีนที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า โรงพยาบาลแจ้งไม่มีการจัดสรรวัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ต่อมาทราบภายหลังว่า บัญชีที่โอนไปให้เป็นชื่อบัญชีมารดาของอดีตเจ้าหน้าที่วัด

น.ส.จิตรลดา กล่าวว่าตนเองเป็นหนึ่งที่รอฉีดวัคซีนรอบนี้พร้อมกับผู้เสียหายรายอื่นๆ  ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาไกลจากจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะเป็นการหาประโยชน์บนความทุกข์ของผู้อื่น จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพไปกระทำความผิดในลักษณะนี้ซ้ำอีก เนื่องจากการกระทำของมิจฉาชีพตอกย้ำซ้ำเติมสังคมอย่างร้ายแรง ฉวยโอกาสในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับผู้ต้องหารายนี้ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จับกุมแล้ว และจากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวก็มีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงมาก่อนหน้านี้ที่ จ.ชุมพร มาด้วย

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และทราบว่าผู้ต้องหาได้ถูกตำรวจ สภ.บางใหญ่ ตามจับกุมได้แล้วเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนร้ายว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องหรือไม่ เนื่องจากพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว และไม่ใช่บัญชีวัดแต่อย่างใด