นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ไลน์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไลน์ ได้จัดงาน ไลน์ ไทยแลนด์ บิสสิเนส 2022 (LINE THAILAND BUSINESS 2022) เพื่อพาธุรกิจไทย เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก พร้อมชี้แนะแนวทางการปรับตัวเ พื่อให้อยู่รอดและเติบโตได้แบบสวนกระแส ซึ่งหลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อัตรารายได้ต่อหัวของไทยยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีที่แล้วแม้เยังไม่ได้เปิดประเทศ แต่ในปีหน้ายังมีวิฤติที่ต้องระวังคือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะเดียวกันภาคธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยหลักยังไม่ได้กลับมาฟื้นตัวเต็มกำลัง
เมื่อมองในด้านของศักยภาพการแข่งขัน ไลน์ เห็นถึงการปรับตัวอย่างรวดเร็วของผู้ประกอบการไทยขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี และรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพธุรกิจ และการเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่ใดในโลก
เราจึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่อย่างมากมาย ประเทศไทยจะสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่ได้ และเติบโตต่อได้อย่างแข็งแกร่ง โดย ไลน์ มุ่งให้การสนับสนุนด้วยโซลูชั่นทางธุรกิจที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจากอินไซด์ความต้องการของคนไทย โดยบริการส่วนใหญ่จะมาจากทีมคนไทยทั้งหมด
“บรรยากาศอึมครึมทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และความขัดแย้งในเวทีโลก นำมาสู่ข้อสงสัยและความกังวลว่า ประเทศไทยจะข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้หรือไม่ท่ามกลางปัจจัยลบมากมาย หากแต่ในความเป็นจริงสะท้อนให้เห็นว่า คนไทยปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มีดัชนีชี้วัดหลายตัวที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องแม้ในช่วงวิกฤติ และกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีการพัฒนามนุษย์ หรือ HDI (Human Development Index) ที่จัดลำดับการพัฒนามนุษย์ในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ให้เป็นประเทศที่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์สูง (ค่าดัชนีสูงกว่า 0.8) เทียบเท่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ นอกจากนั้น อัตรารายได้ต่อหัวของไทยยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีที่แล้วแม้เรายังไม่ได้เปิดประเทศ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเราได้ก้าวข้ามวิกฤติและสามารถเติบโตต่อไปได้”

ด้าน ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หนึ่งในวิทยากรในงาน LINE THAILAND BUSINESS 2022 ได้อัพเดทถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่า ยังเป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตามอง ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ยังควบคุมเงินเฟ้อไม่ได้ จึงต้องมีการเร่งการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจของฝั่งประเทศยุโรป ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก จากเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการ Zero COVID ปัญหาในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การกีดกันด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐ และการเดินหน้าเข้าสู่สังคมสูงวัย ไม่ช้าก็เร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกดังกล่าวนี้จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้น หากแต่ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาเกื้อหนุน อาทิ การกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ธุรกิจภาคบริการที่เริ่มฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังต้องจับตามองสถานการณ์รอบตัวอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีเรื่องน่ากังวล ไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มของต้นทุน ค่าจ้าง และราคาสินค้า ที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อ ผู้ประกอบการไทยต้องตั้งรับและปรับตัวให้ทัน ขณะเดียวกันต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต และต้องใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งมองว่าภาครรวมเศรษฐกิจไทยจะฝ่ามรสุมไปได้หรือไม่ จะเติบโตอย่างไร คงต้องจับตาดูตัวเลขปัจจัยต่างๆในช่วงไตรมาส 2 ของ ปี 66
ในขณะที่ แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลก ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมแบ่งปันข้อมูลในงานนี้ด้วย โดย มร. อเล็กซานเดอร์ โกรมอฟ และ ดาลัด ตันติประสงค์ชัย พาร์ทเนอร์ แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี กล่าวว่า เราทุกคนกำลังอยู่ในยุคแห่งความไม่แน่นอน โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เงินทุนสำรอง การใช้จ่าย และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ทำให้เกิดภัยภิบัติ นำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทายแก่ธุรกิจ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่กำลังเดินมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ กลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูงของโลก อีกทั้งในแต่ละประเทศยังสามารถส่งเสริมและเติมเต็มความได้เปรียบของกันและกันได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นการเติบโตเชิงเทคโนโลยีในกลุ่มประเทศเอเชียเป็นอย่างมาก ทั้งในเชิงรายได้ของบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงสินทรัพย์ทางปัญญาในโลกเทคโนโลยีที่เติบโตกว่า 87% เหล่านี้นำไปสู่รายได้ประชากรและกำลังซื้อในการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก สำหรับประเทศไทย ก็เช่นกัน มีกำลังซื้อกลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้นและคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้าจะมีมูลค่าการบริโภคถึง 4 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี
และมูลค่าการใช้จ่ายจะเติบโตมากถึง 90% ภายในปี 2030 จากข้อมูลเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่า เอเชียจะเป็นภูมิภาคแห่งการเติบโตทั้งในด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจในยุคหลังโควิดนี้ ธุรกิจไทยต้องใช้โอกาสนี้ เตรียมตัวให้พร้อม ใช้เทคโนโลยีให้เป็น เพื่อเดินหน้าธุรกิจพร้อมรับการเติบโตกำลังเกิดขึ้น.