สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า นายเอสมาเอล คาทิบ รมว.ข่าวกรองของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลเตหะรานดำเนินนโยบาย “ความอดทนเชิงยุทธศาสตร์อย่างสมเหตุสมผล” กับซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม หากความตึงเครียดและความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นต่อไป อิหร่านไม่สามารถรับประกันได้เช่นกันว่า ความอดทนทางยุทธศาสตร์จะหมดลงเมื่อใด ด้านกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ
Iran warns Saudi Arabia 'our strategic patience' may run out – Fars https://t.co/uoPBDtvvPx pic.twitter.com/fYGnKJXrjA
— Reuters (@Reuters) November 10, 2022
ย้อนกลับไปเมื่อต้นเดือนนี้ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล หนึ่งในสื่อใหญ่ของสหรัฐ รายงานว่า รัฐบาลริยาดแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับรัฐบาลวอชิงตัน เกี่ยวกับ “ภัยคุกคาม” จากอิหร่าน ว่า กำลังเตรียมการโจมตีซาอุดีอาระเบียภายในอนาคตอันใกล้นี้ “เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระและปราศจากหลักฐานอย่างสิ้นเชิง”
อนึ่ง เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างคำกล่าวของ พล.ต.ฮอสเซ็น ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออาร์จีซี ) เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลริยาดไม่ควรพึ่งพิงอิสราเอลมากจนเกินไป และเรียกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียว่า “ตำหนักแก้ว”
อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน เมื่อปี 2559 จากกรณีรัฐบาลริยาดประหารชีวิต ชีค นิมร์ อัล-นิมร์ นักการศาสนาชาวชีอะห์ และการประท้วงในอิหร่านบานปลายเป็นเหตุบุกเผาทำลายสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำกรุงเตหะราน กระนั้น นับตั้งแต่เดือน เม.ย.ปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศเจรจากันอย่างไม่เป็นทางการมาแล้ว 4 ครั้ง โดยมี อิรัก ทำหน้าที่คนกลาง.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES