ตามที่ บริษัท ไทยลีก จำกัด ออกหนังสือสอบถามความเห็นสโมสรไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 เรื่องปรับโปรแกรมการแข่งขันจะยกเลิกฟีฟ่าเดย์เดือน มี.ค. ปีหน้า และเร่งปิดลีกให้จบเร็วขึ้น เพื่อให้ทีมชาติไทย มีเวลาเตรียมทีมสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา

“แชมป์ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การที่ใช้วิธีให้สโมสรส่งคำตอบ แทนเรียกการประชุม เพราะก่อนหน้านี้เคยเรียกตัวแทนแต่ละทีมมาประชุมแล้ว ข้อมูลเรื่องการปรับโปรแกรมยังเป็นชุดเดิม ดังนั้น จึงอยากให้คนที่มาประชุมนำเรื่องเสนอต่อผู้บริหารของทีม และลงเป็นมติตอบกลับมา บจก.ไทยลีก ก็จะดูตามที่สโมสรตอบกลับมาว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น

ชี้ไทยลีกมีแผนแต่แรกแล้ว
นายกรวีร์ กล่าวต่อไป ตนเข้าใจว่าตอนประชุมตัวแทนทีมคงไม่ได้นั่งกางปฏิทินดูและศึกษาผลดี-ผลเสีย รายละเอียดอย่างครบถ้วน ตอนนั้นจึงยังไม่ได้มีการขัดแย้งอะไร แต่พอหลังประชุมนำไปคุยกับสโมสรแล้วมีความเห็นที่ต่างไปจากเดิม ตอนนี้ก็ต้องการฟังเสียงจากสโมสรจึงให้เป็นการลงมติมาแบบนี้ แต่ละทีมศึกษารายละเอียดกันคงมีคำตอบในใจแล้ว สัปดาห์หน้าจะได้รู้กัน ส่วนมุมมอง บจก.ไทยลีก ก่อนออกโปรแกรมแต่ละปี ได้วางแผนสำหรับทีมชาติทุกชุดเอาไว้อยู่แล้ว อยากให้ยึดแผนที่คุยกันเอาไว้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล

2 ลีกอาจจัดคิวคนละแบบ
สำหรับแบบสอบถามดังกล่าว ส่งไปให้ทั้งทีมไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 ซึ่ง นายกรวีร์ กล่าวว่า โปรแกรมของทั้ง 2 ลีกไม่ได้อิงกัน ดังนั้นจะแยกคำตอบของแต่ละลีกไปเลย เช่นถ้าไทยลีก 1 ต้องการยึดโปรแกรมเดิม แต่ไทยลีก 2 อยากใช้โปรแกรมที่ปรับใหม่ ก็สามารถแยกปฏิทินการแข่งขันกันได้

ปิดเร็วใช่จะตัวดี-แนะรีบคุยทีม
รักษาการซีอีโอไทยลีก กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าผลออกมาแบบไหน หน้าที่ของไทยลีก, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, ทีมชาติ และสโมสร ต้องมาคุยกันอยู่แล้ว การที่จบลีกไม่ได้บอกว่าสโมสรจะยอมปล่อยตัวนักเตะมาให้เพราะไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ สุดท้ายก็ต้องไปเจรจากับสโมสรเพื่อขอตัวผู้เล่นมาอยู่ดี เรื่องนี้ไทยลีกพร้อมเป็นตัวกลางในการประสาน

ขณะเดียวกัน โค้ชทีมชาติรู้อยู่แล้วว่านักเตะคนไหนอยู่ในข่ายบ้าง ก็คุยกับสโมสรเลย ตอนนี้ยังมีเวลาอีก 6 เดือน สามารถวางแผนในการเตรียมงานหรือเตรียมทีมได้อยู่แล้ว แค่ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ได้ตัวที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด แลกกับข้อดีคือมีเวลาฝึกซ้อมร่วมกัน ซึ่งสำคัญมากๆ.