เมื่อวันที่ 14 พ.ย. รายงานข่าวจากตำรวจระดับสูง แจ้งว่า ในวันนี้(14พ.ย.) จะครบกำหนดที่ขีดเส้นให้ตำรวจระดับใหญ่นายหนึ่ง สังกัด บช.ภ.2 เข้ามารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าว มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษทางวินัยหนักถึงขั้นให้ออกจากราชการ จากกรณีพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออก โดยเฉพาะกรณีมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนกรณีแก๊งทวงหนี้โหด บุกใช้ด้ามปืนทำร้ายร่างกายประชาชนที่เข้ามาพักในพูลวิลล่า ย่านจอมเทียน-พัทยา จ.ชลบุรี และยังใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงยางรถยนต์เสียหาย 3 คัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย

คดีนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ลงมาคุมด้วยตนเองเนื่องจากการกระทำของแก๊งคนร้ายถือว่าอุกอาจอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังพบความไม่ชอบมาพากล ระหว่างการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ โดยพบว่าการประสานขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ได้มีการจ้างวานให้บุคคลอื่นมาเข้ามอบตัวร่วมกับผู้ต้องหาตัวจริง นำไปสู่การขยายผลจนทราบตัวผู้เกี่ยวข้อง เมื่อซักถามทราบว่า ได้มีการปรึกษากับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อวางแผนเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อมิให้ผู้ก่อเหตุตัวจริงถูกดำเนินคดี โดยมีการเรียกรับสินบนถึง 1 ล้านบาทด้วย

ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง จากการรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน ทำให้สามารถแจ้งข้อกล่าวหา พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี หลังพบว่ามีส่วนพัวพันในการวางแผนเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุ และเรียกรับเงินถึง 1 ล้านบาท โดยดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 149 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์, มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไ่ม่ชอบโดยทุจริต และมาตรา 200 เป็นเจ้าพนักงานฝ่ายสืบสวน ช่วยเหลือไม่ให้คนต้องรับโทษ หรือรับโทษลดลง และต่อมาเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ทาง ผบช.ภ.2 ได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ พ.ต.อ.กรวัฒน์ มาประจำที่ ศปก.ภ.2 เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม เมื่อขยายผลเชิงลึกยังพบนายตำรวจระดับสูงร่วมรับผลประโยชน์ จึงนำมาสู่การให้โอกาสเข้ามาชี้แจง ตลอดจนจนรับทราบข้อหา มาตรา 157 โดยกำหนดให้วันที่ 14 พ.ย. เป็นวันสุดท้ายของกำหนดเส้นตาย หากไม่เข้ามาจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี อนุมัติหมายจับ และเข้าจับกุมมาดำเนินคดี ซึ่งตามรายงานนายตำรวจระดับสูงนายนี้ยังอยู่ภายในประเทศ โดยมีกำลังตำรวจเฝ้าประกบหากศาลอนุมัติหมายจับ จะดำเนินการจับกุมทันที

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานด้วยว่า คดีนี้เป็นที่ที่สนใจของบรรดาแวดวงการเมืองไทย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หลังเกิดเรื่องฉาวของวงการตำรวจระดับภาคตะวันออกขึ้น ได้ปรากฏมีนักการเมืองไทยพยายามโทรฯมาสอบถาม พร้อมจะหาทางประนีประนอมและช่วยเหลือ นายตำรวจระดับสูงนายดังกล่าวเป็นอย่างมาก.