จากกระแสข่าวที่ร้อนแรง และสร้างความ “ปั่นป่วน” ให้กับบรรดาวงการ “โบรกเกอร์” อย่างมาก ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MORE ที่มีการซื้อขายผิดปกติ หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระราคาค่าหุ้นได้ ภาระจ่ายทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินแทนให้กับผู้ขาย ซึ่งในเรื่องนี้ “ไม่ต่างกับการปล้นเงินจากโบรกเกอร์”

ไทม์ไลน์ของเรื่องนี้ >> มีความผิดปกติตั้งแต่ปี 2564 เกี่ยวกับสินทรัพย์ของบริษัทมีกำไร 1,158 ล้านบาท จากการรับหุ้นแทนการชำระด้วยเงินสด โดยกำไรสูงแบบผิดหูผิดตา

>>โดยระหว่างนั้นราคาหุ้น MORE ก็ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากราคา 0.15 บาทต่อหุ้น ในเดือน ต.ค.63 จนกระทั่งขึ้นมาที่ระดับราคาเกือบ 3 บาทต่อหุ้นในช่วงเดือน พ.ย.65 นี้

>>จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน หุ้น MORE มีการตั้งคำสั่งซื้อ (ATO) ที่ราคา 2.90 บาท มีปริมาณการซื้อขายที่ 1,531.77 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,442.13 ล้านบาท ก่อนจะถูกเทขายจนราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนราคาต่ำสุด (ฟลอร์) ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น. และต่อเนื่องถึงเช้าวันศุกร์ที่ติดฟลอร์ตั้งแต่เปิดการซื้อขายที่ราคา 1.37 บาท

>>รายการซื้อขายหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นในปริมาณที่มากนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นรายการซื้อขายรายใหญ่ (บิ๊กลอต) ทำให้โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งซื้อเริ่มรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นและเริ่มตรวจสอบ จนรู้ว่า คำสั่งซื้อ ATO ที่ 2.90 บาท ได้มีการกระจายจากโบรกเกอร์ ประมาณ 14-20 ราย เพราะเกณฑ์ของตลาดเหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดว่า ลูกค้าแต่ละรายไม่สามารถสั่งซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในแต่ละครั้งได้เกิน 20 ล้านหุ้นได้

>>สำหรับเรื่องนี้จึงร้อนถึง ตลาดเหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 11 พ.ย. 65 ได้ออกมาเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้น MORE พร้อมกับได้สอบถามถึงพัฒนาการที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย ซึ่งทาง MORE ได้ชี้แจงผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงก่อนเปิดการซื้อขายภาคบ่ายของวันที่ 10 พ.ย.65 ว่าไม่มีพัฒนาการสำคัญใดๆ และเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 พ.ย.65 ราคาหุ้นลดลงต่อเนื่อง ตลท.จึงขอให้บริษัทสมาชิกกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ MORE อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

>>กระทั่ง ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ย.65) ตลาดเหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พร้อมด้วย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ได้ออกแถลงข่าว แนวทางแก้ปัญหาหุ้นมอร์ ด้วยการประกาศหยุดพักการซื้อขาย หรือขึ้นเครื่องหมาย (SP) โดยระยะการขึ้นเครื่องหมายจะสิ้นสุดเมื่อไหร่นั้นจะพิจารณาต่อเนื่องแบบวันต่อวัน หากไม่มีผลกระทบต่อตลาดและไม่มีความจำเป็นแล้วก็อาจจะพิจารณายกเลิกได้

>>ขณะเดียวกัน ตลท. ได้หารือร่วมกับบริษัทสมาชิก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์มอร์ที่อาจเข้าข่ายเป็นรายการที่ผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทสมาชิกบางรายในระดับที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทสมาชิกและปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นผ่านบริษัทสมาชิกรายนั้น และยืนยันว่าบริษัทสมาชิกทุกรายยังสามารถให้บริการกับผู้ลงทุนได้ตามปกติ

>>โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย บอกว่า เรื่องนี้สมาชิกบริษัทหลักทรัพย์มีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่กำหนดและไม่สามารถชำระเงินได้ก็จะมีการสืบค้นข้อมูลทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำมาขายและชำระหนี้ ซึ่งหากมูลค่าสินทรัพย์ไม่เพียงพอก็จะทำการส่งฟ้องต่อศาลเป็นขั้นตอนถัดไป

>>และในวันเดียวกันนี้ พบว่า บรรยากาศในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในแดนลบตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้า โดยที่ละลงไปต่ำสุด 19 จุด มีการปิดตลาดภาคเช้าที่ดัชนี 1,623 จุด ลดลง 14.29 จุด มูลค่าซื้อขาย 37,720.98 ล้านบาท