นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2022 ครั้งที่ 29 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. นั้น เป็นหนึ่งในเวทีระดับโลกด้านร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าขาย โดยมีสาระสำคัญในการวางแนวทางให้สมาชิกเขตเศรษฐกิจทั้งหมด ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างความสมดุล รวมถึงการส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงด้านพลังงาน อันจะนำไปสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

กฟผ. ในฐานะองค์กรที่มุ่งส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ ได้มีส่วนช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์อันดีสำหรับความมุ่งมั่นในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยให้การสนับสนุนกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)) ด้วยการสนับสนุนการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้การจัดประชุม APEC 2022 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 2,000 คน จาก 21 ประเทศ โดยใช้คาร์บอนเครดิตจากโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคอง ของ กฟผ. ปริมาณ 6,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นมูลค่า 720,000 บาท)

นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนการทวนสอบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดประชุมเอเปค 2022 ดังกล่าว จาก บริษัท บูโรเวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้การประชุม APEC 2022 ในครั้งนี้ ได้รับการรับรอง “คาร์บอนนิวทรัลอีเว้นท์” จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคาร์บอน มาเก็ต คลับ กล่าวว่า ในการประชุม APEC 2022 ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน ที่เพิ่งผ่านพ้นไป กลุ่มบริษัทบางจากได้ร่วมต้อนรับสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จากทั้งในและต่างประเทศจากกว่า 20 ประเทศ ที่ใช้บริการพื้นที่ศูนย์ปฎิบัติการสื่อมวลชน ซึ่งมีจำนวนสูงสุดวันละกว่า 2,200 คน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และได้คำนวณและชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชน เพื่อให้เป็น Carbon Neutral Media Center

กลุ่มบริษัทบางจากซึ่งเป็นหนึ่งใน communication partners ของการประชุมเอเปคครั้งนี้ ได้ร่วมจัดพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ BCG Economy Model และรับรองสื่อมวลชนและผู้ใช้บริการศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชนในพื้นที่ชั้น LG ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และร่วมเป็นพันธมิตรขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำผ่านโครงการ Care the Bear ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนการประชุมครั้งนี้ให้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ตามหลัก 6 Cares

นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดความร่วมมือในศูนย์สื่อมวลชนสีเขียว ด้วยการประเมินคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชนในแต่ละวัน (คาร์บอนฟุตพริ้นท์) โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ROOTCLOUD และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 3 ขอบเขต (scope) ได้แก่ขอบเขตที่ 1 การปล่อยทางตรง วัดจากใช้เชื้อเพลิงเพื่อการประกอบอาหาร ขอบเขตที่ 2 การปล่อยทางอ้อม วัดจากการใช้พลังงงานไฟฟ้า และขอบเขตที่ 3 การปล่อยทางอ้อมอื่น ๆ วัดจากการเดินทางทาง การเข้าพักโรงแรม ของเสียที่เกิดจากการจัดงาน เป็นต้น

โดยตลอดระยะเวลาการจัดการประชุมทั้ง 6 วัน (14-19 พฤศจิกายน 2565) ได้มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชนรวมประมาณ 2,366 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ก่อนการยืนยันจากผู้ทวนสอบ) ซึ่งบางจากฯ จะชดเชยทั้งหมดด้วยคาร์บอนเครดิต (TVERs) จากโครงการของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ผ่านการซื้อขายอย่างเป็นทางการใน Carbon Markets Club ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 130 ราย ทั้งประเภทองค์กรและบุคคล เพื่อให้ศูนย์ปฏิบัติการสื่อมวลชนดังกล่าวเป็น Carbon Neutral Media Center (ศูนย์สื่อมวลชนที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์)