เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้เดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมนำเอกสารมาส่งมอบให้กับ รอง ผบ.ตร. โดยเปิดเผยว่า เอกสารที่มอบให้กับ รอง ผบ.ตร. เป็นรายละเอียดทรัพย์สินของ นายตู้ห่าว ทั้งสำเนาโฉนด 100 กว่าไร่ ที่นำไปจำนองไว้มูลค่า 1,600 ล้านบาท และข้อมูลนอมินีหญิงรายหนึ่งของนายตู้ห่าว ที่เปิดร้านขายเครื่องครัวอยู่แถวพระราม 4 ตลอดจนความสัมพันธ์เป็นใครอย่างไร และข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์ ซึ่งเชื่อว่า ไม่มีทางที่ทำธุรกิจเครื่องครัว จะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้

“….หน้าที่ของผมหมดแล้ว วันนี้นำรายการทรัพย์สินมายื่นให้ รอง ผบ.ตร. เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น แม้ว่ามันอาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เชื่อว่า ทรัพย์สินที่ยื่นไปนั้น มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้าน คนที่ทำงานมาในระยะเวลา 10-20 ปี ทำงานอยู่ที่ห้องเช่ารัชดา ซอย 10 มีโรงแรม 395 ห้อง มีที่ดิน 100 กว่าไร่ และอีกมากมาย โดยมีการแต่งตั้งนอมินีเป็นผู้หญิง ชื่อว่า ‘พัชรินทร์’ มีความสัมพันธ์เป็นภรรยาของตู้ห่าว มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินทั้งหมด จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงขายเครื่องครัว จะเป็นเจ้าของเงินหลายพันล้านได้…” นายชูวิทย์ กล่าวและระบุด้วยว่า

รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือในคดีนี้เล็ก ๆ น้อย ๆ โดยหลังจากนี้ หมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ตำรวจ ซึ่งตนไว้วางใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมกับฝากไปถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามองเรื่องนี้อยู่ การดำเนินการใดๆ ก็ขอให้ท่านทำอย่างรวดเร็วฉับไว เพราะหมายจับออกเมื่อวันที่ 16 ต.ค. แต่มาจับได้ในวันที่ 23 พ.ย. มองว่า ยังใช้เวลาค่อนข้างนาน

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับผู้ใหญ่ แต่ตนเองไม่ขอพูด ซึ่งถ้ามีอิทธิพลและคอนเนกชั่นระดับประเทศ ถ้าไปใช้สีเทาอ่อน ๆ ก็ใช้ไป แต่ถ้ามาใช้กับเรื่องยาเสพติด ตนเองรับไม่ได้ และนายตู้ห่าว เป็นคนไม่ระวังตัว คิดว่า ซื้อได้ ขายได้ มีคนพาไปหาผู้ใหญ่ที่มีเงินตกหล่นระหว่างทาง กว่า 200 ล้าน ด้วย

ส่วนคำถามที่ว่า “….ผู้หญิงที่ชื่อ พัชรินทร์ มีความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ระดับใหญ่โตมากแค่ไหนนั้น…” นายชูวิทย์ตอบว่า “…ระดับใหญ่แล้วกัน ใหญ่แบบที่คุณจะอ๋อก็แล้วกัน แล้วชอบพาไปหาผู้ใหญ่ที่ชอบดูนาฬิกา….”

นายชูวิทย์ ยังบอกด้วยว่า หลังจากนี้อยากจะไปวิ่งที่บางแสน แต่อยากจะบอกไว้ว่า อยากจะตะบันหน้าคนๆ หนึ่ง พร้อมกล่าวว่า บุคคลนี้ ฝากถึงนายสันธนะ ซึ่งถือเป็นบุคคลอันตราย ถ้าในสังคมนี้ยังมีบุคคลนี้อยู่ เที่ยวไปไล่ตรวจสอบคนอื่น และฝากบอกว่า หากคิดจะตรวจสอบคน ต้องมองตัวเองก่อน และวิธีที่ทำไม่ใช่วิธีที่ผู้ชายเขาทำกัน โดยหลังจากให้สัมภาษณ์นักข่าวเสร็จสิ้น นายชูวิทย์ ได้โชว์รูปของบุคคลที่อ้างว่า คือ พัชรินทร์ ที่ถ่ายรูปคู่กับ “ตู้ห่าว” ให้กับสื่อมวลชนดู พร้อมกับข้อความบทสนทนาของ “พัชรินทร์” กับบุคคลหนึ่ง ที่มีข้อความระบุว่า “…ทางราชการติดต่อผมมา อยากรู้เรื่องเฮีย เรื่องโรงแรมครับ…” แล้วฝั่งผู้หญิง ตอบไปว่า “…แจ้งไปว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่ใช่หุ้นส่วนไม่เคยมาที่โรงแรม ไม่ควรให้ข้อมูลนะคะ…”