ด้วยตระหนักว่าองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประตูสำคัญที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความก้าวหน้าที่ยั่งยืน กลุ่ม ปตท. จึงมุ่งมั่นยกระดับขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่ ‘วังจันทร์วัลเลย์’ เป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์องค์ความรู้เหล่านั้น ผ่านการจัดตั้ง โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) ซึ่งให้การศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาโทและปริญญาเอก) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2558 พร้อมตั้งมั่นที่จะให้ทั้งสองสถาบัน เป็นมากกว่าต้นแบบของการให้การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่คือการสร้างผลิตผลทางการศึกษาที่หมายถึงทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศ
โดยในปีการศึกษา 2564 มีผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี ในระดับปริญญาเอกและปริญญาโท รวมจำนวน 30 คน โดยได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ วังจันทร์วัลเลย์ ซึ่งมีนิสิตที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจากสถาบันฯ จำนวน 4 ราย เข้ารับพระราชทานทุนการศึกษา “ศรีเมธี” และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 5 จำนวน 2 คน ในโอกาสเดียวกันนี้ยังมีผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564 เป็นรุ่นที่ 5 จำนวน 71 คน และมีนักเรียนได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันวิทยสิริเมธี จำนวน 12 ทุน
สำหรับสถาบันวิทยสิริเมธีเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งเน้นการสร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ผ่านการเรียน การสอนแบบบูรณาการ เพื่อให้นิสิตสามารถทำงานวิจัยเชิงลึก สร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นงานวิจัยชั้นแนวหน้าในระดับสากล โดยปัจจุบันมีนักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาเอกและนักวิจัย รวมประมาณ 300 คน เปิดสอนใน 4 สำนักวิชา ได้แก่ สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล สำนักวิชาวิทยาการพลังงาน ซึ่งสนับสนุนโดยกลุ่ม ปตท. สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล ผ่านสนับสนุนการจัดตั้งโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สนับสนุนการก่อตั้งโดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) มีเป้าหมายสำคัญในการเป็นเป็น Top 10 ของมหาวิทยาลัยเฉพาะทางในกลุ่มประเทศอาเซียน ภายใน 10 ปี (พ.ศ. 2568) และก้าวขึ้นสู่ อันดับ 50 ของโลก ภายในเวลา 20 ปี (พ.ศ. 2578)
อย่างไรก็ตาม สถาบันวิทยสิริเมธีมีผลงานทางวิชาการและงานวิจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ งานวิจัยทางด้านระบบปัญญาและหุ่นยนต์ (AI and Robotic) จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่ซับซ้อน เข้าถึงยาก และอันตรายสำหรับภาคอุตสาหกรรม ที่ได้รับแรงบันดาลใจการเคลื่อนไหวจากธรรมชาติ เช่น แมลง และหนอน งานวิจัยระบบต้นแบบเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงอัจฉริยะ เพื่อช่วยเหลือทางการแพทย์ งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน การพัฒนาแบตเตอรีและวัสดุคุณภาพสูง (Energy Materials & Environment) จากสำนักวิชาวิทยาการพลังงาน และสำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล งานวิจัยด้านการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยานาโนยุคใหม่จากขยะหรือสารไร้มูลค่า เพื่อประยุกต์ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมียุคใหม่ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและยา สำหรับงานวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) จากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล เน้นการพัฒนาด้านเซลล์และเอนไซม์ในระดับสูง เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าของขยะอินทรีย์
นอกจากนี้ ความตั้งใจจริงต่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังส่งผลให้เกิดความร่วมมือระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สถาบันวิทยสิริเมธี และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) พื้นที่ประมาณ 88 ไร่ ซึ่งเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ให้เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่องานวิจัยทางด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และด้านอื่นๆ โดยเครื่องกำเนิดแสงที่จะจัดสร้างนี้ มีค่าระดับพลังงาน 3 GeV และใช้เทคโนโลยี Double Triple Bend Achromat (DTBA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แสงซินโครตรอนมีความสว่างจ้ามากกว่าเดิม 1 ล้านเท่า และรองรับระบบลำเลียงแสงได้สูงถึง 22 ระบบ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านงานวิจัยได้หลากหลาย
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของสถาบันฯ ที่สามารถวัดผลออกมาได้อย่างชัดเจน เห็นได้จากการได้รับการจัดอันดับของเว็บไซต์การศึกษาที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากลอย่าง Nature Index ซึ่งเป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับการค้นหาผลงานวิจัยลำดับต้นๆ ของโลก โดย Nature index ได้จัดอันดับให้สถาบันวิทยสิริเมธีเป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 12 ของโลก ในหมวดมหาวิทยาลัยที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศต่างๆ นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของไทย และอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) ทางด้านสาขา Chemistry และในภาพรวมของทุกสาขาวิชา (Life Sciences, Physical Sciences, Chemistry และ Earth and Environmental Sciences) สถาบันฯ อยู่อันดับที่ 2 ของประเทศไทย
สถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTEC มุ่งหวังให้พื้นที่วังจันทร์ วัลเลย์เป็นศูนย์กลางชั้นนำและสร้าง Startup Ecosystem สำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และเป็น Silicon Valley ของไทยที่จะสร้างและผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและเชื่อมโยงภาคการศึกษากับภาคธุรกิจเข้าด้วยกัน และนับเป็นข้อได้เปรียบที่ กลุ่ม ปตท. ดำเนินธุรกิจ ด้วยความก้าวหน้า มีโรงงานหลากหลายรูปแบบ ทำให้นักศึกษามีโอกาสได้ฝึกงาน ทำวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดย VISTEC ตั้งเป้าว่าผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นนั้น จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ และช่วยยกศักยภาพขององค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของคนไทยให้อยู่ในระดับก้าวหน้าอย่างแท้จริง อันเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป