เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า กลุ่มทรู เป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ด้วยงบประมาณ จำนวน 300 ล้าน เพื่อให้ได้สิทธิที่จะได้ถ่ายทอดสดบนดิจิทัลทีวีร่วมกับดิจิทัลทีวีรายอื่น และสิทธิพิเศษในการออกอากาศบนเคเบิล ดาวเทียม ไอพีทีวี บนมือถือ โอทีที และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นข้อเสนอที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)ได้เสนอให้กับ ผู้ประกอบการเอกชนรายอื่นๆ ภายใต้ข้อเสนอเดียวกัน แต่กลุ่มทรู เป็นรายเดียวที่ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว เพื่อให้คนไทยได้รับชมทันช่วงเวลาการเปิดสนามแข่งขัน และเป็นสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มทรู ที่เป็นแฟนบอล ให้สามารถรับชมผ่านช่องทางบริการต่างๆ ทั้งทรูวิชั่นส์ และทรูไอดี รวมทั้งผ่านมือถือที่ใช้ซิมทรูมูฟ เอช
ดังนั้น กลุ่มทรู ในฐานะผู้ได้รับสิทธิจาก กกท. จึงยืนยันถึงสิทธิตามที่ ได้ทำข้อตกลงกันไว้ ตามมาตรฐานของทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ และกฎหมายลิขสิทธิ์ยังได้ถูกระบุอยู่ในประกาศ คณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ ที่ให้บริการ เป็นการทั่วไป (กฎมัสต์ แครี่) ของ กสทช. รวมทั้งแนวปฏิบัติตามกฎ ที่ระบุว่า จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
กลุ่มทรูจึงอยากให้คนไทยทุกคนเข้าใจและช่วยกันดูแล ไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อาจทำให้คนทั้งประเทศต้องเสี่ยงต่อ การถูกเจ้าของลิขสิทธิ์ระงับสิทธิหากปล่อยให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นหนึ่งในปัญหา สำคัญที่ทำให้ประเทศไทย หาเอกชนมาลงทุนยากมากขึ้นทุกปี เพราะยากต่อการคุ้มทุน และเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์
“เราให้ความสำคัญและเคารพสิทธิ และหากมีผู้ประกอบการรายอื่นได้รับสิทธิคอนเทนต์ระดับโลก กลุ่มทรู ยืนยันได้ว่า ไม่เคยกระทำการฝ่าฝืนหรือเรียกร้องใดๆ ดังนั้น ในกรณีนี้ ที่มีผู้ประกอบไอพีทีวี ละเมิดสิทธิ บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของผู้ได้รับสิทธิที่ถูกต้องต่อไป ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และอาจจะพิจารณา ฟ้องร้องผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ต่อไป และยังเป็นการคุ้มครองสิทธิของประเทศและคนไทยให้ได้รับชมคอนเทนต์ระดับโลกต่อไปในอนาคตด้วย” นายธีรเดช กล่าว

ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า ในการทำหนังสือ ไปยังผู้ให้บริการกล่อง ไอพีทีวี เมื่อวันที่ 24 พ.ย. เป็นการแจ้งไปตามติบอร์ด กสทช. ให้ทางผู้ประกอบการเอกชนปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่อง กฎมัสต์ แครี่ และควบคุมไม่ให้มีการถ่ายทอดเฉพาะในประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็ได้ขอให้ทางผู้ประกอบการ พิจารณาตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการดำเนินคดีของทรู จึงเป็นเรื่องระหว่างเอกชน ซึ่งไม่เกี่ยว กสทช. อย่างไรก็ตามทาง กสทช.อยู่ระหว่างขอช้อมูลการทำสัญญาระกว่าง กกท. กับทรู แต่ยังไม่ได้รับแต่อย่างใด.