เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ฝ่ายกฎหมายพรรค กล่าวกรณีที่ศาลฎีการับคำร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นร้อง น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรค พปชร.ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ว่า กรณีที่ศาลไม่มีคำสั่งเป็นอื่น ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นก็ต้องต่อสู้ตามกระบวนการต่อไปและเชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนเห็นว่ากรณีนี้ยังพอมีช่องทางการต่อสู้ได้ เนื่องจากยังไม่เห็นมีหลักฐานที่แสดงชัดเจนว่า น.ส.ธณิกานต์ ได้กระทำผิด โดยมอบหมายให้บุคคลใด กดบัตรลงคะแนนให้ มีแต่ทางผู้ร้องที่คิดและอนุมานไปเองเพราะปรากฏว่ามีการลงคะแนน แต่ในขณะนั้น ส.ส.ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงตีความไปว่าเป็นความผิดเกิดขึ้น
“ผมมองว่าการที่ ป.ป.ช.สามารถยื่นเรื่องความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมต่อศาลได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านอัยการ เหมือนกับกรณีอื่น เช่น ความผิดมาตรา157 ที่จะต้องผ่านอัยการ ก่อนจะส่งไปศาล ตรงนี้อาจจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เพราะไม่มีกลไกให้ความยุติธรรม กับผู้ถูกกล่าวหา เพราะไม่มีการตรวจสอบ หรือถามความเห็นจากต้นสังกัด คือสภาฯ ก่อน ว่าข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ก่อนที่จะยื่นเรื่องต่อศาล” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในหัวหน้าพรรค พปชร. รับทราบและเป็นห่วง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ แต่เป็นห่วงทุกเรื่องในพรรค ส่วนกรณี น.ส.ธณิกานต์ ที่อาจไม่สบายใจ เพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พรรคต้องจะช่วยดูแล ในฐานะสมาชิกพรรคและให้ไปสู้กันในชั้นศาล ส่วนข้อสังเกตว่าเสียงในสภาฯ หายไป ในช่วงที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น คงไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเรามีเสียงเพียงพอ