พลอากาศตรี อมร ชมเชย. เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยถึง เหตุการณ์ช้อปปี้ เพย์ ( Shopee Pay) ของ แพลตฟอร์ม ช้อปปี้ ดูดเงินจากลูกค้าที่ผูกบัญชีชำระสินค้านั้น ทาง สกมช.ทราบเรื่องและกำลังอยู่ระหว่างการรอคำชี้แจงจาก ช้อปปี้ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถตอบได้ว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายความผิดกฎหมายดิจิทัลใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์  

อย่างไรก็ตาม กรณีลูกค้าถูกดูดเงินจากแอพพลิเคชั่นซื้อของออนไลน์ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิด ก่อนหน้านี้ กระทรวงดีอีเอส พยายามออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ กฎหมายลูกของ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล บังคับทุกรายต้องจดทะเบียนในไทย เพื่อคุ้มครองประชาชนในการซื้อขายออนไลน์ แต่ก็ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้ ทำให้ยังเป็นช่องโหว่ในการเอาผิดต่อคดีนี้หรือไม่

นายโสภณ หนูรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) กล่าวว่า สอบ.ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับการถูกดูดเงินออกจากบัญชีอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเกิดกรณีล่าสุดของช้อปปี้ โดยทาง สอบ.จะมีการรวบรวมข้อมูลของผู้เสียหายทั้งหมดและเชิญทางช้อปปี้ สมาคมธนาคารไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาหารือเพื่อหามาตรการป้องกัน และการแก้ปัญหาการคืนเงิน กับคนที่ได้รับความเสียหาย ภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากทางเจ้าของบัญชีไม่ได้เป็นผู้โอนเงินด้วยตนเองหรือสมัครใจ โอนจากบัญชีนั้น ๆ

“ในส่วนของเจ้าของแพลตฟอร์ม คือช้อปปี้ ต้องชี้แจ้งว่าข้อมูลต่างๆ ของลูกค้ามีการหลุดออกไปหรือไม่จึงทำให้เกิดการโอนเงินจากบัญชีที่ผูกกับแพลตฟอร์มได้ ขณะที่สถาบันการเงินก็ต้องการตรวจสอบว่ามีการโอนเงินออกไปได้อย่างไร ธนาคารมีระบบความปลอดภัยที่ดีและหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงดีอีเอสที่ดูแลแพลตฟอร์ม ธปท.ที่ดูแลสถาบันการเงิน และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วย จึงควรมีการประชุมหารือรวมกันในการกำหนดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและการป้องกันในอนาคต ซึ่งทางผู้เสียหายจากกรณีสามารถเข้ามาให้ข้อมูลกับทาง สอบ.ได้ เพื่อรวมข้อมูลร้องเรียนต่อไป”

ด้านแหล่งข่าวจาก ช้อปปี้ กล่าวว่า ตอนนี้ช้อปปี้กำลังรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบว่า ข้อมูลถูกหลอกลวงทางใดบ้าง เช่น ฟิชชิง ซึ่งคาดว่าได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ในวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) ขณะที่ในส่วนของผู้ใช้งานนั้น ทาง ช้อปปี้ ได้ปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเป็นการถาวรแล้ว ตั้งแต่ 6 ธ.ค.65 พร้อมกับมีข้อความแจ้งเตือนว่า ช้อปปี้ และ ช้อปปี้ ไม่มีนโยบายติดต่อลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ ไลน์แชต เอสเอ็มเอส หรือ ลิงก์เว็บไซต์นอก เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวขอรหัส โอทีพี หรือ ขอให้โอนเงิน โปรดระวังการแอบอ้างและลิงก์ปลอม.