ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่น่าชื่นชมอย่างมากหลังล่าสุดสาว แอน ทองประสม ได้ออกมาอัพเดทรูปและคลิปการสีข้าวเปลือกและข้าวถุงที่แบ่งเตรียมแจกจ่ายให้คนเดือดร้อน โดยสาวแอนเล่าว่า “นาข้าวที่เห็น เป็นภาพที่ชาวนา จ.สุรินทร์ ส่งมาให้แอน บอกว่า..พวกเราเป็นชาวนาขายข้าวเปลือก มีข้าวเปลือกยังไม่ได้สีอยู่ 2,000 โล ถ้าแอนสนใจอยากช่วยก็จะนำข้าวเปลือกไปเข้าเครื่องสี ที่โรงสีข้าวในชุมชนใกล้เคียงให้ พวกเราจะทำข้าวนาปี 1 ปีทำนาเพียงครั้งเดียว จะหว่านข้าวช่วงเดือนปลายๆ เมษายน-พฤษภาคม สิงหาคม-กันยายน ถ้าฝนตกดีเราก็จะได้ใส่ปุ๋ย ถ้าฝนทิ้งช่วงก็จะใส่ปุ๋ยล่าช้านิดนึง กลางเดือนตุลาคม ข้าวจะเริ่มออกรวง ช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคมก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวแล้วค่ะ

โควิดปีนี้ประสบปัญหาราคาปุ๋ยแพงมากและข้าวเปลือกราคาถูกเหลือกิโล 7-8 บาท จากที่เมื่อก่อนกิโลละ 13-15 บาท

2 ปีนี้ฝนทิ้งช่วง ทำนาไม่ได้ข้าวเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนก่อน ข้าวที่แอนรับซื้อมา เป็นข้าวหอมมะลิ ไม่ฉีดยาฆ่าแมลง ไม่ใส่สารเคมี กันมอด ค่ะ แอนรับมาให้มาส่งที่กรุงเทพฯ และขอไปแจกจ่ายให้ชุมชนต่างๆ นะคะถ้าใครได้รับไป รีบทานนะคะ เพราะข้าวไม่ใส่สารเคมี จะอยู่ได้ 2 เดือน อาจมีเศษเปลือกข้าวปนเปื้อนนิดๆ หน่อยๆ ติดไปบ้าง ป้าๆ ชาวนา (ในคลิป) ช่วยกันเขี่ยๆ ออกให้ไปบ้างแล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้กระดูกสันหลังของชาตินะคะ ไม่อยากเห็นชาวนาขายข้าวขาดทุนเป็นโซ่ตรวนทำให้ยากจนอีกต่อไปเลยจริงๆค่ะ”

ด้านสาว พลอย ชิดจันทร์ ได้ลงรูปและคลิปราคาลำไยที่ขายพร้อมข้อความเล่าว่า “ส่งกำลังใจให้แดดดี๊ ให้พนักงาน คนงานที่โรงงานไทยโทนทุกคน รู้ว่าทุกคนเหนื่อยมากๆ ไม่รู้จะได้นอนกันเมื่อไหร่ ล้นมือ ล้นเตาจริงๆ ชาวสวนมาต่อคิว จุดร่อนเราแต่ละจุดคิวรถยาวเกือบ 2 กิโล รับซื้อ พยุงราคาช่วยกันสู้ๆๆๆ ไปด้วยกันนะคะ ขอบคุณจริงๆ รวมถึงคุณลุง คุณป้า พี่น้อง เกษตรกร ชาวสวนลำไย ชาวสวนคนไทยทุกคนเลย เราทำงานใกล้ชิดกับเค้า รู้ว่ามันเหนื่อย ยากลำบากแค่ไหน เหตุการณ์แบบนี้ เข้าใจ เห็นใจทุกฝ่ายมากๆ ยุคเศรษฐกิจแบบนี้ โรงงาน ผู้ประกอบการก็ไม่รู้ว่าจะไหวรึเปล่า ทำไป ซื้อไปตอนนี้ไม่ได้หวังเรื่องกำไร อะไร อยากให้เกษตรกรอยู่ได้ ปากท้องเค้า ในสถานการณ์แบบนี้ ที่ทุกคนต้องทำงาน หากินกันบนความเสี่ยงจริงๆ ทั้งไวรัสก็ระบาด ใกล้ๆ ตัว น่ากลัวมากๆ ใช้ชีวิตกันบนความเสี่ยง ทุกวัน ทุกคืน กังวล ไม่รู้ว่าตัวเองจะติดเชื้อรึเปล่า”

“พลอยอธิษฐานขออยู่ทุกวัน ให้ทุกคนปลอดภัย ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ เราพยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ ฝนตก แดดออก จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ชาวสวนยังต้องเก็บของมาขาย มาเจอราคารับซื้อแบบ ต่ำกว่าทุน ราคา 2 บาท คือ สะเทือนใจมาก เรารู้ว่าต้นทุนเค้า แค่ค่าแรงคนงาน เก็บลำไย ก็ 3 บาท/กก. แล้ว ชาวสวนร้องไห้แน่ๆ เราเข้าใจผู้ประกอบการที่ต้องสู้ในยุคนี้ มันก็เสี่ยงจริงๆ เชื่อว่าทุกคนพยายามทำดีที่สุดเหมือนกัน เรายึดหลัก ให้ชาวสวนอยู่ได้ ช่วยเหลือกัน เท่าที่ทำได้ ขอทุกฝ่ายช่วยกัน ซื้อในราคาที่ ช่วยชาวสวน ไม่มีชาวสวน ก็ไม่มีโรงงาน ไม่มีโรงงานก็ไม่มีรายได้ คิดดูให้ดีๆ”

งานนี้ชาวเน็ตแห่โพสต์ของทั้งคู่ก็ไม่พลาดมาให้กำลังใจและขอชื่นชมการช่วยเหลือที่ตรงจุดคือช่วยคนเดือดร้อนไปให้คนที่เดือดร้อนนั่นเอง

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @annethong, @ploychidjun