ตามที่แพทยสภา มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าเป็นอาการป่วยวิกฤติ ทำให้ต้องรักษาที่ รพ.ตำรวจ จนพ้นโทษจำคุก โดยมี 1 คน ที่ถูกลงโทษตักเตือน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนอีก 2 คน ถูกลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากนี้จะนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รมว.สาธารณสุขเพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ

ล่าสุด วันที่ 9 พ.ค. รายงานข่าวระบุว่า จะสามารถส่งเอกสารมติที่ประชุมของแพทยสภาไปถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภาได้ ซึ่งเมื่อเอกสารถึงมือของนายสมศักดิ์แล้ว นายสมศักดิ์จะมีเวลาในการพิจารณา 15 วัน ว่าจะรับรองตามมติของกรรมการแพทยสภาดังกล่าวหรือไม่ หากรับรองแล้วค่อยกลับมาพิจารณากำหนดว่าจะพักใช้ใบอนุญาตเป็นระยะเวลานานเท่าใด

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า แต่หากนายสมศักดิ์ มีคำโต้แย้งเกี่ยวกับมติในเรื่องดังกล่าวของแพทยสภา เรื่องก็จะถูกส่งกลับมาที่คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาว่า คำโต้แย้งนั้นมีเหตุผลที่สามารถรับฟังได้หรือไม่ หากเห็นว่า คำโต้แย้งมีน้ำหนักก็จะมีการกลับเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนในประเด็นข้อโต้แย้ง แต่หากเห็นว่าคำโต้แย้งไม่มีเหตุผลเพียงพอ คณะกรรมการสามารถมีมติรับรองมติเดิมได้เลย พร้อมทั้งพิจารณากำหนดระยะเวลาการพักใช้ใบอนุญาตแพทย์ที่ถูกลงโทษได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งกลับไปให้สภานายกพิเศษรับรองอีก ซึ่งภายในระยะเวลาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตนั้นจะไม่สามารถประกอบวิชาชีพแพทย์ได้

อย่างไรก็ตาม ความสำคัญในขั้นตอนลงมติว่าจะยืนยันตามมติเดิมหรือไม่นั้น ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หากโหวตแพ้ตรงนี้ก็จะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนตามข้อโต้แย้งอีก ดังนั้นถือว่าตอนนี้เรื่องจึงยังไม่จบ คิดว่าน่าจะอีกประมาณ 1 เดือนจากนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เมื่อกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่มีมติเกี่ยวกับเรื่องใดส่งถึงสภานายกพิเศษ ซึ่งบางครั้งเป็น รมว.สาธารณสุขที่มาจากทั้งฝ่ายการเมือง และรมว.ที่เป็นแพทย์  สภานายกพิเศษก็จะให้การรับรอง แทบไม่มีการโต้แย้งมติกลับมา มี 1 ครั้งในสมัยที่ รมว.สาธารณสุขเป็นนายแพทย์ มีการโต้แย้งมติกรรมการแพทยสภา ที่ให้ลงโทษตักเตือนแพทย์ท่านหนึ่งที่กระทำผิด แต่นายแพทย์ที่เป็นสภานายกพิเศษขณะนั้นเห็นว่า บทลงโทษควรอยู่ที่การพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมมากกว่า.