เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นายจิรายุ พูลทวี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค และเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จำนวน 15 นาย ได้เดินทางไปตรวจการรื้อถอน เคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพหรู “ไทรโยคโฟลทเทล” มูลค่า 20 ล้านบาท ระดับ 5 ดาว ห้องพักหรู 29 ห้อง ห้องอาหาร ห้องรับรอง สระว่ายน้ำ ที่ปลูกสร้างบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ในแม่น้ำแควน้อย เขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ท้องที่บ้านไทรโยคใหญ่ หมู่ที่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อสั่งการ ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่า อย่างเด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยนายวสันต์ สดใส เจ้าของรีสอร์ทแพหรูดังกล่าว ได้ทำการรื้อถอน เคลื่อนย้ายรีสอร์ทแพหรูออกไปจากแม่น้ำแควน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ไปจนเกือบหมดแล้ว ภายในเวลาเพียง 13 วัน หลังจากที่นายสมเจตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้ทำการปิดประกาศ คำสั่ง ขับไล่ รื้อถอน ภายใน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

นายนิพนธ์ กล่าวว่า การที่นายวสันต์ เจ้าของรีสอร์ทแพหรู ได้ทำการ รื้อถอน เคลื่อนย้าย รีสอร์ทแพหรูด้วยตนเองภายในเวลาอันรวดเร็วในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นผลดีต่อตัวเจ้าของเอง ที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีและเสียค่าปรับ เพราะหากดื้อดึง ไม่ยินยอมรื้อถอน เคลื่อนย้าย รีสอร์ทแพหรูดังกล่าว ภายในเวลา 30 วัน ตามประกาศคำสั่งของนายสมเจตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยคแล้ว อาจจะถูกดำเนินคดี ในข้อหาฐานฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง ขับไล่ รื้อถอน ตามมาตรา 35 (1) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ และปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท และต้องเสียค่าขนย้ายรีสอร์ตแพหรูให้กับทางราชการเป็นจำนวนเงิน 5 แสนบาท อีกด้วย

“หลังจากเจ้าของได้รื้อถอน เคลื่อนย้าย รีสอร์ทแพหรู ดังกล่าว ออกไปจนหมดแล้ว ทางนายสมเจตน์ จะดูแลรักษา ป้องกัน มิให้บุคคลใดนำรีสอร์ทแพ หรือสิ่งอื่นใด มาจอดขวางแม่น้ำแควน้อย ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ในบริเวณดังกล่าวอีก เพื่อรักษาแหล่งท่องเที่ยว น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในแม่น้ำแควน้อย ให้มีบรรยากาศ สุนทรียภาพ ตามธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่งดงามเอาไว้ ให้นักท่องเที่ยวได้ฟินกับธรรมชาติที่แท้จริงกันทุกคน” นายนิพนธ์กล่าว

นอกจากนี้นายนิพนธ์ กล่าวต่ออีกว่า ขอเตือนไปยังนายทุนเจ้าของโรงแรม หรือ เจ้าของรีสอร์ท หรือ เจ้าของบ้านพักตากอากาศ ทั้งหลาย ที่ปลูกสร้าง บุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดิน หรือ แม่น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า อย่าคิดว่าตนเองหลุดพ้นคดีทั้งหลายทั้งปวงแล้ว แม้อัยการจังหวัด จะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ทำให้คดีอาญายุติไปตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 147 ก็ตาม แต่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ยังมีอำนาจใช้กฎหมายทางปกครอง ออกประกาศคำสั่ง ขับไล่ รื้อถอน ตาม พ.ร.บ. อุทยานฯ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตวป่า พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ได้อีก

“ที่สำคัญการขับไล่ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน หรือสิ่งอื่นใดในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ที่เป็นเขตสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่มีอายุความ ไม่อยู่ภายใต้การบังคับคดีภายใน 10 ปีสามารถ ขับไล่ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง พืชผล อาสินหรือสิ่งอื่นใด ไปให้พ้นจากเขตสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ได้ตลอดเวลาเป็นพันปี เทียบเคียงคำพิพากษาฏีกาที่ 18918/2555” นายนิพนธ์กล่าว.