เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญขาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายเศวต ทินกูล อายุ 63 ปี อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ “สหายแสง” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ส.นครพนม เขต 1 ใน ข้อหาบุกรุกและครอบครองที่ดินของรัฐป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นความผิดตามกฎหมาย

นายเศวต กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าเสื่อมโทรม เนื้อที่กว่า 2 หมื่นไร่ ทางกรมที่ดินได้เข้ามาจัดสรร โดยคณะกรรมการแก้ไขความยากจน ประกอบด้วยคณะกรรมการหลายฝ่ายจัดสรรให้ประชาชนเข้าทำกินในรูปแปลงใหญ่มีโรงเรียน, วัด, สุขศาลา, ถนน แยกเป็นส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัย ส่วนที่ทำประโยชน์ทำการเกษตรต่อมานายศุภชัย ซึ่งตอนนั้นเป็นครู ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาเห็นเกิดความสนใจ ก่อนจะพาเกษตรกรเข้าไปยึดครองปลูกอ้อยในที่ดินที่มีการจับจองกันอยู่ก่อน

นายเศวต กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อปี 2552 ตนเห็นว่าเป็นการครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบ จึงได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการป.ป.ช. ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ปรากฏไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบัน ได้ตั้งอนุกรรมาธิการ ตั้งชุดทำงานมาตรวจสอบใหม่ พิจารณาแล้วชี้มูลว่ามีความผิดฐานปกปิดบัญชีทรัพย์สินแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. ก่อนจะส่งให้ประธานสภา นายชวน หลีกภัย เพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และยังเห็นว่ามัพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะนำเรื่องราวเสนอต่อนายชวนหลีกภัย ให้สอบสวนในเรื่องจริยธรรมในสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งเพิกถอนที่ดินตามใบจองป่าดงพะทาย 39 แปลง ที่ระบุชัดเจนว่า ถือครองโดยนายศุภชัย โพธิ์สุ จำนวน 39 แปลง ทั้งนี้ จะต้องเอาที่ดินผืนนี้คืนรัฐให้ได้

“นอกจากนี้ยังพบคลิปข่าวของนครพนมทันข่าวได้เผยแพร่การให้สัมภาษณ์ของนายศุภชัย ว่าไม่ผิด ยืนยันว่าที่ดินตรงนี้เขายังถือครองอยู่ ซึ่งเป็นเจตนาทุจริตถือครองที่ดินอยู่นอกจากนี้ยังนำเอาเอกสารที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมดำเนินการจำหน่ายใบจองที่นายศุภชัย ถือครองอยู่ แสดงให้เห็นว่า นายศุภชัย บุกรุกที่ดินของรัฐ อีกทั้งกรณีที่เป็นข่าวว่านายศุภชัย ครองครองที่ดินของรัฐจำนวน 200 ไร่จาก 39 แปลง แต่ที่ตนไปตรวจสอบข้อมูลของกรมที่ดินมาพบว่าคนในครองครัวของนายศุภชัย ครองครองที่ดินรัฐจริง ๆ 938 แปลง เนื้อที่รวม 1 หมื่นกว่าไร่ ไม่ใช่ 200 ไร่ตามที่ข่าวรายงานออกมาก่อนหน้านี้ จึงนำหลักฐานการครอบครอบ 39 แปลง มาให้ตำรวจ ต้องการให้ดำเนินคดีกับนายศุภชัย ซึ่งความจริงได้ครอบครองที่ดินนับหมื่นไร่” อดีต สสร. กล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป. ตรวจสอบพบว่าอยู่ในอำนาจความรับผิดชอบของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จึงแนะนำผู้ร้องไปพบพนักงานสอบสวน บก.ปทส.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.