น.ส.ซินเธีย ควง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน เปิดเผยว่า ประเทศไทย มีที่ตั้งที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ทางการค้า เพราะเป็นประตูสู่เอเชียของนักลงทุน และเป็นศูนย์กลางของประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียน ซึ่งประเทศไทยต้องการที่จะพัฒนาเมืองอัจฉริยะและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ โดยมีแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ซึ่งจะเปลี่ยนผ่านประเทศไทย ไปสู่มหาอำนาจในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม อีกทั้ง ประเทศไทยยังมีเป้าหมายที่จะสร้างเมืองอัจฉริยะ 100 แห่ง ภายในปี 67 ซึ่งเป็นไปตามโมเดลเศรษฐกิจ “ประเทศไทย 4.0”
“เมืองอัจฉริยะถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ของเมือง อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยต่างคนต่างทำ ดังนั้น เราจึงได้รวบรวมกลุ่มพันธกิจการค้านี้ขึ้นมา เพื่อที่จะเชื่อมต่อทั้ง 23 บริษัทไต้หวันชั้นนำ ซึ่งมีสินค้าที่หลากหลายและก้าวล้ำไปกว่าเมืองอัจฉริยะ สามารถสนองตอบความต้องการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งอัจฉริยะ พลังงานอัจฉริยะ การผลิตอัจฉริยะ และเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งองค์กรเหล่านี้ ล้วนมีประสบการณ์ ข้อมูลเชิงลึกและทรัพยากรที่จะช่วยเร่งความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายเมืองอัจฉริยะของประเทศไทยได้เร็วขึ้นอีกด้วย”
นางสาวซินเธีย กล่าวต่อว่า ซึ่งช่วงโควิด-19 ระบาด ในช่วงเวลานั้น ไต้หวันไม่เคยหยุดที่จะปรับและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศเป้าหมายทางพันธกิจการค้าอีกประเทศหนึ่ง จึงได้จัดงาน “Smart Industry Trade Mission 2022” งานจับคู่ธุรกิจอุตสาหกรรมอัจฉริยะ 2565 จัดโดย สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน (TAITRA) โดยมีความร่วมมือกับ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน ซึ่งเป็นงานจับคู่ธุรกิจด้านอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะจากไต้หวัน มาพบกับนักธุรกิจไทยที่กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม นวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านเมืองอัจฉริยะ

สำหรับ คณะผู้แทนประกอบด้วย บริษัทไต้หวัน 23 แห่ง ผู้พัฒนาระบบและให้บริการโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะ ในจำนวนนี้ มี 7 บริษัทนำเสนอระบบขนส่งอัจฉริยะ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ โซลูชั่นที่ครบวงจร และความมุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อสร้างเมืองแห่งอนาคต โดยโซลูชั่นและบริการเหล่านี้ ได้รวมถึงระบบเก็บค่าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETC) สำหรับมอเตอร์เวย์และท่าเรืออัจฉริยะที่ใช้ระบบประตูอัตโนมัติ (AGS) โดยมีไฮไลต์คือ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ FETC ซึ่งเป็นผู้พัฒนาระบบ M-Flow หรือระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติที่ได้เปิดให้บริการในไทยเมื่อเร็วๆ นี้ อีกรายคือบริษัท Chunghwa Telecom ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในไต้หวัน
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะ โซลูชั่นจอแสดงผลตามสถานี ระบบกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมการจราจรแบบไดนามิก ระบบขนส่งอัจฉริยะ และรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (EV) โดยไต้หวันได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก เพื่อนำเสนอโซลูชั่นต่างๆ เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลาย โดยเฉพาะในประเทศไทย