จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก ‘นักเลงมือถือสำนักงานใหญ่’ ได้โพสต์คลิปขณะเตะก้านคอชายหนุ่มสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า พร้อมระบุข้อความ “คุยดีๆแล้ว เตือนดีๆก็แล้ว ไม่ฟังกันเลย ต้องคุยกับตีนโจรปลอมเฟซโกงชาวบ้าน” ก่อนทราบว่าร้านดังกล่างตั้งอยู่ภายในซอยรังสิต-นครนายก 34/1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายพร้อมภัณฑ์ คำพงษ์ อายุ 34 เจ้าของบริษัทนักเลงมือถือ จำกัด เจ้าของคลิปดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า ตนได้ถูกสวมรอยปลอมแปลงเฟซบุ๊กจากคนที่อยู่ในคลิปได้ใช้ชื่อของตนและรูปในการแอบอ้างปลอมแปลงหรือสวมรอยไปขายโทรศัพท์มือถือในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด และมีการทักหาสมาชิกลูกค้าต่างๆ หลายคน โดยขายมือถือราคาต่ำกว่าท้องตลาดทำให้ลูกค้าสนใจและมั่นใจโดยการแอบอ้างชื่อของตน ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงและมีลูกค้าทักมาด่าตนและทวงเงินตลอดเวลารวมทั้งยังมีลูกค้าทำพิธีทางไสยศาสตร์ใส่ตนเองอีกด้วย ตนจึงทำการสืบหาคนที่สวมรอยจนทราบตัวได้มีการว่ากล่าวตักเตือนว่าห้ามทำแบบนี้อีกและให้ชดใช้ค่าเสียหาย สุดท้ายได้มีการนำชื่อเฟซบุ๊กของตนไปแอบอ้างอีกรอบหนึ่ง ตนจึงสืบจนทราบตัวตนและโทรฯไปพูดคุยพร้อมให้เข้ามาคุยที่ร้าน

เจ้าของร้านมือถือ กล่าวต่อว่า หลังจากคนก่อเหตุมาถึงร้าน ตนได้ให้เลือก 2 ข้อ 1.ดำเนินคดีตามกฎหมาย 2.ให้ตนทำโทษ โดยคนร้ายเลือกข้อเสนอที่สองเพราะไม่อยากถูกดำเนินคดีประกอบกับมีภรรยาและลูกที่ต้องดูแลตนจึงได้ทำโทษคนร้ายไปตามในคลิป ทั้งนี้ เป็นการตกลงของคนร้ายกับตนเพียงสองคนเท่านั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่หวังว่าคนร้ายจะไม่ทำอีกและอยากให้มิจฉาชีพที่กำลังกระทำอยู่หยุดพฤติกรรม เพราะถ้าผู้เสียหายตามจริงๆอาจจะไม่ได้จบแบบนี้ทุกราย อาจโดนมากกว่าที่ตนกระทำ

นายพร้อมภัณฑ์ กล่าวอีกว่า ในการณีที่จะติดต่อซื้อขายโทรศัพท์กับนักเลงมือถือจะมีการช่องทางการติดต่อทางเพจ ซึ่งทางเพจจะไม่เคยทักไปหาลูกค้าก่อนและไม่เคยเสนอขายสินค้าให้ใครเลยและอยากฝากถึงชื่อบัญชีที่จะทำธุรกรรมทางการเงินกับตนเองเป็นชื่อของบริษัททั้งหมดหากเป็นชื่ออื่นไม่ใช่ตนเองอย่างแน่นอน.