ยืนหนึ่งเป็นสาวงามที่คว้ามงกุฎ “นางสาวไทย ประจำาปี 2541” มาครองได้สมความมุ่งมาดปรารถนา จนชื่อเสียงของ “นก-ชลิดา (เถาว์ชาลี) ตันติพิภพ” เป็นที่จดจำของแฟนนางงามตั้งแต่มงลงจนถึงปัจจุบัน ในฐานะนางสาวไทย พิธีกรคนดังที่เป็นไอคอนของสาวรักสุขภาพตัวจริง ยืนยันด้วยดีกรีดอกเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กับผลงานวิจัยเรื่อง “อาหารไทยแพลนต์เบสต์ต้านอักเสบ” สนับสนุนให้คนไทยหันมากินพืชผักมากขึ้น เพราะเคยผ่านจุดเปลี่ยนชีวิต เคยป่วยเฉียดตายมาแล้วทั้งจากโรคบูลิเมีย (โรคล้วงคอ) และโรคซึมเศร้า เมื่อผ่านจุดที่พีคที่สุดในชีวิตมาแล้วจึงอยากบอกต่อเรื่องราวดี ๆ กับผู้อื่น ซึ่งตัวเองยอมรับว่าชีวิตนี้น่าจะป้วนเปี้ยนอยู่กับคำว่า “อ้วน ผอม อาหาร”

การเป็นนางสาวไทยมาตลอด 23 ปีได้อะไรจากตรงนี้บ้าง?
คิดว่าได้ทุกอย่างในชีวิตค่ะ ทุกวันนี้ต้องขอบพระคุณ คุณแดงสุรางค์ เปรมปรีดิ์ (ผู้จัดการประกวด) และคุณลุงสมชาย นิลวรรณ (ผู้ที่ชักชวนเข้าประกวด) ที่ให้โอกาส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการได้มงกุฎมาแล้วไม่ทำอะไรต่อ ก็จบลงแค่นั้น การประกวดนางงามยุคนี้ต้องชื่นชมว่า มีรูปแบบชัดเจนขึ้น มองเวทีการประกวดเป็นกระบอกเสียงคือ คนจะฟังสิ่งที่เราจะทำให้เป็นประโยชน์ ถ้ามีแพสชั่นรู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร และมองตรงนี้ว่าเป็นจุดที่ทำให้เป็นที่รู้จัก จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

หลังจากได้ตำแหน่งชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?ค่อนข้างเปลี่ยนเยอะมาก จากคนไม่เป็นที่รู้จักมากนัก พอมีตำแหน่งคนก็จับตามอง เป็นสิ่งที่เราต้องมีมายด์เซต ที่เข้าใจว่าเราเป็นคนของประชาชน จะมาหน้าวีนเหวี่ยงเวลาคนมาขอถ่ายรูปด้วย ก็ไม่ใช่ ถ้าเราออกมาพื้นที่สาธารณะคือต้องสวยพร้อม อาจไม่ต้องถึงกับติดขนตาปลอมตลอดเวลา แค่ทาแป้ง เติมลิปสติกให้ปากมีสีก็พอแล้ว นกเคยเดินทางไปสนามบินตอนตีสาม ไม่คิดว่าจะมีคนมาขอถ่ายรูป รู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้ เพราะวันนั้นโทรมมาก (หัวเราะ) รู้สึกโชคดีและขอบคุณมาก ๆ ได้ตำแหน่งตอนอายุ 25 ปี หลังจากประกวดนางงามจักรวาลจบ ก็ปลดระวางได้เลย คิดว่าทำอาชีพที่ไม่จำกัดอายุขัยดีกว่า จึงหันมาจับงานด้านพิธีกร รายการแรกคือพฤหัสอัศจรรย์ ทำหน้าที่แค่ปีแรกก็ได้รับรางวัลเมขลา หลังจากนั้นทำรายการทเวนตี้ทเวนตี้และถูกใจใช่เลย

เริ่มต้นมาทำไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับสุขภาพได้อย่างไร?
ช่วงประกวดนางสาวไทยต้องกินยาลดความอ้วน จากนั้นอยากหยุดกินยาเพราะกลัวตาย ทำให้นํ้าหนักโยโย่กลับมา สูญเสียความมั่นใจมาก เพราะไปไหนมีแต่คนทัก นกรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วเลยกลับไปอยู่เมืองนอก คิดว่าเอาอาหารบำบัดดีกว่ากินยาจึงเรียนต่อด้านโภชนาการ แล้วเขียนบทความส่งนิตยสารแพรว แนวคนกินยาลดความอ้วนแล้วโยโย่มาก ๆ อ้วนพินาศเลยจะปรับสภาพตัวเองอย่างไร ปรากฏว่าได้รับความนิยมมาก กลับมาจึงทำพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกชื่อ “ไดเอท ซีเคร็ท” ขณะเดียวกันมีคนสนใจอีเมลมาปรึกษาค่อนข้างเยอะ จึงตัดสินใจกลับเมืองไทยและเริ่มทำรายการลิฟวิ่ง อิน เชป ทางช่อง 3 การทำไลฟ์สไตล์เรื่องสุขภาพ จุดประกายมาจากความอ้วนของตัวเอง ความจริงเรื่องอ้วนผอมเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เคยเป็นบูลิเมียด้วยซํ้า คิดว่าตัวเองเครียด พอเครียดก็กินเยอะ พออึดอัดก็อาเจียน มีอาการแบบนี้ตั้งแต่ ป.5 มารู้ตัวอีกทีระหว่างเรียนปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์พยาบาลจาก Aurora University ตอนปี 3 ซึ่งอ่านชาร์ตของคนไข้แล้วรู้สึกว่ามีอาการคล้ายกัน สาเหตุน่าจะมาจากตัวเราเอง เมื่อเผชิญกับปัญหา บอกกับตัวเองว่า “ฉันเข้าใจ อดทน และก้าวผ่าน” แต่ไม่เคยให้บทสรุป เหมือนกับกดตัวเองไว้ พอวันหนี่งระเบิดจึงรุนแรง เพราะเราไม่เคยแปลงพลังงานลบ อันนี้เพิ่งมาตกผลึกตอนเรียนวิชาโค้ช

หาทางออกให้ปัญหานี้อย่างไร?
คำสบประมาทอาจทำให้เรามีแรงฮึดสู้ ทำให้คนประสบความสำเร็จได้จริง แต่บางทีเหมือนไม่อิ่ม ทำสำเร็จแล้วแต่รู้สึกว่าตัวเรายังไปไม่ถึงไหน เหมือนเราต้องพิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา แล้วไม่ใช่กับตัวเงิน แต่เป็นความพึงพอใจของตัวเอง แต่ถ้าทำด้วยแรงบันดาลใจ จะไม่มีอารมณ์แบบนี้ สรุปคือต้องรักตัวเองให้เป็น รู้จักภาคภูมิใจ ทำอะไรดีแล้วชื่นชมกับตัวเองจะมีพลังมากกว่า ทำรายการทีวีนาน 10 ปี ชีวิตตอนนั้นดีมาก มีบ้านมีรถมีชื่อเสียง ไม่ต่างกับ “บล็อกเกอร์” หรือ “อินฟลูเอนเซอร์” ยุคนี้ แล้วต้องย้ายมาช่องดิจิทัลเหมือนชีวิตหล่นตุ้บ!! กัดฟันทำรายการต่อประมาณ 4 ปีจึงยุติ แต่ในวิกฤติยังมีโอกาสระหว่างย้ายช่องต้องปรับรูปแบบเนื้อหา จึงทำรายการ “เฮลท์ โซไซตี้” ควบคู่กับการเรียนปริญญาโท โดยเอาความรู้ที่เรียนนั้นมาทำเนื้อหารายการ สำหรับคนสนใจทุกวันนี้ยังหาชมผ่านทางยูทูบได้ และเนื้อหายังไม่ล้าสมัย

จุดมุ่งหมายที่ทำให้เรียนจบปริญญาเอก?
นกมีคุณพ่อเป็นต้นแบบ คุณพ่อเป็นครูมองว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ จึงสนับสนุนให้นกและน้องสาวเรียนสูง ๆ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดของคุณแม่ มีนโยบายว่าถ้าเรียนจบสูงแล้วหาเงินไม่ได้ แล้วจะเรียนทำไม นกคิดว่าได้รับดีเอ็นเอจากคุณพ่อคุณแม่มาคนละครึ่งอย่างลงตัว คุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ไม่ยอมจำนนต่อสภาวะแวดล้อม “นกเกิดที่อเมริกา อายุ 5 ขวบย้ายกลับมาเมืองไทย คุณพ่อทำงานเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คุณแม่ทำงานเป็นพยาบาลแต่มองว่ารายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงตัดสินใจบินกลับอเมริกาคนเดียว เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ส่งเสียลูกเรียนโรงเรียนดี ๆ จนนกอายุ 16 ปี คุณแม่จึงมารับไปเรียนต่อที่โน่นด้วย ตอนแรกฝันอยากเรียนด้านสื่อสารมวลชน ชอบบุคลิกของผู้ประกาศข่าว แต่คุณแม่ขอร้องให้เรียนพยาบาลให้จบก่อน แล้วจากนั้นอยากทำอะไรหรือเรียนต่ออะไรขอให้รับผิดชอบชีวิตตัวเอง”

ตั้งใจต่อยอดผลงานวิจัย “อาหารไทยแพลนต์เบสต์ต้านอักเสบ” อย่างไร?
วิทยานิพนธ์ที่ทำคือแพสชั่นคือเรื่องรักษาความอ้วน และสิ่งที่ชอบที่สุดคืออาหาร ปลาบปลื้มในอาหารไทยมาก เรื่องวัฒนธรรมอาหารจะชอบ ถ้าไปไหนจะเสาะแสวงหาอาหารท้องถิ่น ดูว่าในอาหารท้องถิ่นมีอะไรดีงามที่จะมาทำอาหารสุขภาพที่เรามาทำกินได้ไหม ก็จะทำแชร์เป็นคอนเทนต์ คิดว่าอาหารไทยแพลนต์เบสต์ น่าจะเป็นจุดมุ่งหมายนำอาหารไทยไปสู่เวทีโลก เหมือนอายุรเวช คืออาหารไทยมีดีแบบนี้จริง ๆ การดื่มนํ้าขิง กินข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ขมิ้นชัน มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพ อยากทำให้เมืองไทยเป็นฮับเรื่องสุขภาพ
ทำสูตรอาหารแจกโดยไม่หวงสูตร ตอนนี้ไม่ได้จำกัดแค่อาหารไทยแล้ว แต่เขยิบไปอาหารเมดิเตอร์เรเนียน เวียดนาม ญี่ปุ่น ทำให้หลากหลายขึ้น ทุกคนสามารถนำสูตรไปทำกินเองที่บ้านได้ แต่พบว่าบางคนมีข้อจำกัดจริง ๆ ซึ่งบางคนทำอาหารไม่เป็นเลย หรือบางคนอยู่คอนโดทำไม่สะดวก จึงร่วมมือกับเชฟขวัญ แห่งเฮลท์ตี้ เทสตี้ ดิลิเวอรี่ (Healthybytasty) จัดส่งอาหารแพลนต์เบสต์ รูปแบบดิลิเวอรี่ ซึ่งสามารถเข้าชมทางอินสตาแกรมได้ส่วนตัวอยากสร้างความตระหนักให้คนกินพืชมากขึ้น สามารถแนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ กินแล้วรสชาติเป็นยังไง แล้วพื้นฐานเดิมชอบกินอะไร แรกเริ่มจะปรุงอะไรไม่ห้าม แค่เปลี่ยนก้อนหมูเป็นเต้าหู้ได้ไหม ถ้าผ่านตรงนี้ไปแล้วจะหดนํ้าปลา ซีอิ๊วเองโดยอัตโนมัติ หากใครกินต่อเนื่องจะช่วยลดค่าเบาหวาน คอเลสเตอรอล พวกนี้ได้ แต่สำคัญคือต้องมีความสุขในการกิน ส่วนตัวกินมาแล้ว 2 ปี อยากมีผ่อนปรนบางมื้อ เวลาไปกินข้าวกับสามี (เกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ) บ้าง

ในชีวิตนี้อยากทำอะไรอีก?
อยากเป็นครูที่ดี ตอนนี้นกกำลังเรียนออนไลน์ ด้านการเป็นครูสอนออนไลน์ที่มีคุณภาพ คือนำเสนอเนื้อหาให้คนดูสนุก ฟังเรื่องสุขภาพแล้วไม่น่าเบื่อ สูตรอาหารใด ๆ ในโลกไม่มีประโยชน์เท่ากับสูตรอาหารที่ทำได้จริง สร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากกินเพื่อรักษาสุขภาพจริง ๆ ไม่ใช่ตามแฟชั่นหรืออยากหุ่นดี ซึ่งอาจทำแค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วเลิก

ส่วนตัวคิดว่าอะไรที่ทำให้เราอยู่มาจนทุกวันนี้?
นกแตะเรื่องสุขภาพเพราะเราเกือบตายจริง ๆ โอกาสที่รอดตายมาได้คือเราต้องบอกต่อ บางครั้งสูญเสียศิลปินเพราะเป็นโรคซึมเศร้าและหลายคนยังไม่เข้าใจว่าซึมเศร้าคืออะไร ปี 2546 ตอนที่ตัวเองซึมเศร้าแค่ตื่นขึ้นมาคิดว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่แย่ที่สุดแต่ทำให้เจอเพื่อนแท้ ซึ่งเพื่อนคนนั้นคือ “หมอเบิร์ท-พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์” คอยให้คำปรึกษาจนอาการดีขึ้น โดยข้อสันนิษฐานสาเหตุอาจไม่ได้เป็นดราม่าในชีวิต แต่อาจเพราะนอนน้อย ทำงานหนัก กินสารกระตุ้นจำพวกกาเฟอีนตลอดเวลา เล่นมือถือ นอนไร้คุณภาพมาหลายปีติด ลดนํ้าหนักโดยกินแต่โปรตีนไม่กินแป้งเลย นาน ๆ เข้านอนไม่หลับ ก็เลือกกินยานอนหลับ การรักษามีผลข้างเคียงคืออ้วนมาก นํ้าหนักขึ้นมาถึง 74 กิโลกรัม จึงขอหยุดยา วันที่ได้รู้จักวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ เหมือนฟ้าประทานให้ชีวิตเปลี่ยนเลย

ทุกวันนี้เคล็ดลับอะไรที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข?
ทุกเช้าหลังจากตื่นขึ้นมา ฟังเทศน์ ร้องเพลงนมัสการ แล้วพูดกับตัวเองด้วยคำดี ๆ สร้างพลังใจให้ตัวเอง เช่น วันนี้ฉันจะมีสุขภาพดีนะ, ชีวิตฉันช่างสมบูรณ์พูนสุข ไม่ว่าไปไหนจะเจอคนดี ๆ ฉันจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือเขา ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้จากเขา เป็นแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน อวยตัวเองกับตัวเองตั้งแต่เช้า จะกระตุ้นตัวเองได้ดี บางคนไม่เชื่อแต่เป็นพลังของกฎแห่งแรงดึงดูด และความสุขอีกอย่างคือการได้เลี้ยง “อัศวิน” แมวที่รักเหมือนลูก