สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธหลากหลายรุ่นรวมประมาณ 70 ลูก โจมตีเมืองใหญ่หลายแห่งในประเทศ ตลอดวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นปฏิบัติการโจมตีทางทหารภายในวันเดียวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่สงครามปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา

บรรยากาศมืดมิดในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งมีความสว่างจากไฟรถยนต์เท่านั้น


ขณะที่รายงานโดยกระทรวงพลังงานยูเครนระบุว่า โรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 9 แห่งในประเทศ ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการทางทหารครั้งล่าสุดของกองทัพรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้เมืองคาร์คิฟที่เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ และเมืองใกล้เคียงอีกหลายแห่ง เผชิญกับภาวะกระแสไฟฟ้าดับทั้งเมือง


ด้านเทศบาลกรุงเคียฟรายงานว่า มีเพียง 1 ใน 3 ของประชากรในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งมีความร้อน น้ำประปา และกระแสไฟฟ้าใช้ในอัตราอย่างน้อย 40% ส่วนระบบรถไฟไต้ดินซึ่งใช้กระแสไฟฟ้ามหาศาล ยังคงระงับให้บริการ

ประชาชนในกรุงเคียฟ รวมตัวหลบภัยจากการโจมตีของรัสเซีย ภายในขบวนรถไฟโดยสารซึ่งจอดนิ่งอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน


ในอีกด้านหนึ่ง ที่ประชุมสุดยอดผู้นำ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เตรียมจัดสรรงบประมาณเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครนในปีหน้า เพิ่มอีก 18,000 ล้านยูโร (ราว 664,653.13 ล้านบาท)


ขณะเดียวกัน ที่ประชุมประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย ซึ่งเป็นรอบที่ 9 นับตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุ และเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้ โดยรวมถึงการขึ้นบัญชีดำบุคคลสัญชาติรัสเซียอีกเกือบ 200 คน และการห้ามผู้ประกอบการของประเทศสมาชิกอียู ร่วมลงทุนในกระทรวงเหมืองแร่ของรัสเซีย


ทั้งนี้ มติของอียูไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม ต้องเป็นเสียงสนับสนุนที่เป็นเอกฉันท์เท่านั้น ซึ่งการลงมติครั้งนี้เกิดขึ้น หลังโปแลนด์และลิทัวเนียให้ความเห็นว่า ความปลอดภัยทางอาหารที่ลดลงเนื่องจากสงครามครั้งนี้ ในความเป็นจริงจะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจด้านปุ๋ย และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของรัสเซีย.

เครดิตภาพ : REUTERS