นักวิทยาศาสตร์ขององค์การอวกาศและการบินสหรัฐ (NASA) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับฤดูหนาวบนดาวอังคาร ในรายงานที่เผยแพร่ออกมาบนเว็บไซต์ของนาซาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2565 โดยระบุว่า หน้าหนาวบนดาวเคราะห์สีแดงแห่งระบบสุริยะจักรวาลนี้ กินเวลายาวนานเทียบเท่า 2 ปีบนโลกมนุษย์ และอุณหภูมิระหว่างฤดูหนาวอาจลดต่ำลงถึง -123°C

ข้อมูลจากรายงานชี้ว่า เมื่อดาวอังคารเข้าสู่ฤดูหนาว พื้นผิวบนดวงดาวจะเปลี่ยนรูปแบบไปโดยสิ้นเชิง โดยหิมะที่ปกคลุมพื้นดินจะมี 2 ชนิด กล่าวคืออยู่ในรูปของน้ำแข็งและคาร์บอนไดออกไซด์ หรือในรูปของน้ำแข็งแห้ง เนื่องจากอากาศบนดาวอังคารนั้นเบาบางมาก และอุณหภูมิก็หนาวเย็นสุดขั้ว หิมะที่เกิดจากน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งจึงเกิดการระเหิดเป็นก๊าซก่อนที่จะตกลงสู่พื้น เว้นแต่จะอยู่ในรูปของก้อนน้ำแข็งแห้ง 

ขณะที่เกล็ดหิมะบนโลกเป็นรูปหกเหลี่ยม แต่เกล็ดหิมะบนดาวอังคารมีรูปร่างเหมือนลูกเต๋าหรือลูกบาศก์ เนื่องจากเกล็ดหิมะก่อตัวขึ้นจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่แข็งตัวด้วยความเย็น และลักษณะของโมเลกุลของคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เกาะตัวกันนั้น เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เกล็ดหิมะเหล่านี้ มีขนาดเล็กยิ่งกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ จึงแทบไม่มีกองหิมะขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนดาวอังคาร

แต่ภาพที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้น เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดฤดูหนาว และน้ำแข็งทั้งหมดบนดาวอังคารจะเริ่มละลาย ทำให้เกิดรูปร่างต่าง ๆ บนพื้นผิวซึ่งดูคล้ายแมงมุมบ้าง ไข่ดาวบ้าง หรือแม้กระทั่งเนยแข็งแบบที่มีรูพรุน

น้ำแข็งที่ละลายเหล่านี้ ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่คล้ายน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านกลุ่มน้ำแข็งที่โปร่งแสง ส่งความร้อนผ่านเข้าไปยังมวลก๊าซที่อยู่ข้างใต้ และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง ก๊าซเหล่านี้ก็จะระเบิดผ่านน้ำแข็งออกมา ซึ่งดูเหมือนแผงฝุ่นที่กระจายตัวออกเป็นรูปพัด 

ก่อนหน้านี้ในปี 2558 นาซา พบหลักฐานว่า มีน้ำบนดาวอังคาร ทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า น้ำส่วนใหญ่บนดาวได้ระเหยไปในช่วง 2,000-2,500 ล้านปีก่อน ระหว่างที่ชั้นบรรยากาศของดาวอังคารเริ่มเบาบางลง

แหล่งข่าว : miamiherald.com, mars.nasa.gov

เครดิตภาพ : NASA/JPL-Caltech/University of Arizona