มาโน โพลกิง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย ชื่นชมนักเตะช้างศึก เล่น 10 คน ไล่เสมอ อินโดนีเซีย 1-1 ศึกอาเซียน คัพ

เกมที่ เสนายัน อินโดนีเซีย นำก่อน จากจุดโทษ จากนั้นไทยเหลือ 10 คน สรรวัชญ์ เดชมิตร โดนใบแดง ก่อนที่ สารัช อยู่เย็น จะมายิงประตูตีเสมอท้ายเกม

กลุ่มนี้ ไทย อินโดนีเซีย 7 แต้ม กัมพูชา 6 แต้ม ลุ้นเข้ารอบนัดท้าย วันที่ 2 ม.ค.66 ไทย เปิดบ้านพบ กัมพูชา ที่ มธ.รังสิต ไทยเสมอเข้ารอบชัวร์ ส่วน อินโดนีเซีย เยือน ฟิลิปปินส์

มาโน กล่าวว่า “เป็นเกมที่ยอดเยี่ยม นักเตะทุกคนที่ลงไปเล่นในเกมนี้ ด้วยสถานการณ์ที่เราตามหลังหนึ่งลูกและโดนใบแดง แต่คนที่น้อยกว่าก็ยังต่อสู้ ก็เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนสู้จนหมดเวลา จนได้คะแนนออกมาจากเกมที่ยาก แฟนบอลอินโดนีเซีย ก็ผลักดันทีมของตัวเอง จนมีผลงานที่ดี และมีส่วนร่วมเยอะ จากการที่มีคนเข้ามาเต็มสนาม แต่สำหรับเราก็ปรบมือให้ความเป็นนักสู้ของผู้เล่นทุกคนจนเก็บคะแนนได้ในเกมนี้”

“เราเสียประตูเร็วในครึ่งหลัง ที่เราเพิ่งเปลี่ยนตัวลงมา ทำให้เราเล่นยากกว่าเดิม และใบแดงก็ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เราไม่น่าเสียใบแดงแบบนั้น แต่ว่าด้วยสถานการณ์แบบนั้นก็ทำให้มันยิ่งยากสำหรับเราขึ้นไปอีก สุดท้ายก็ต้องบอกว่าทุกคนช่วยกันดีมาก สู้กันจนได้คะแนนออกมา”

“กับสถานการณ์ข้างสนามกับนักเตะอินโดนีเซีย ต่างคนต่างก็ต้องการบอล เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีการด่าทอกัน ส่วนการตัดสินของกรรมการ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามปกติเพราะใบแดงก็เหมาะสม ก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิ”

“มันยากที่เราจะเปลี่ยนแผนในครึ่งหลัง เพราะเราเพิ่งเปลี่ยนตัวลงไปในช่วงพักครึ่งหลังจากนั้นเราก็ได้ส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ลงมา วันนี้เรามีแผนอยู่แล้วที่จะใช้ เอกนิษฐ์ ปัญญา เป็นหน้าต่ำ และให้ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว เป็นปีกขวา เพื่อให้มีกองกลางเพิ่มอีกคน ก็เป็นเกมที่ดี เราต้องการสู้ในแดนกลาง พอหลังจากโดนใบแดง เราได้ส่ง อดิศักดิ์ ลงมาแทน ธีรศิลป์ แดงดา เพื่อความสด และ พลกำลัง และสร้างโอกาสได้เยอะ วิ่งหาช่องได้หลายครั้งตามที่เราวางแผน ประตูที่เราได้ก็เกิดขึ้นจากการวิ่งหาช่องของ อดิศักดิ์ เขาทำได้ดี สุดท้ายก็เป็นอีกคะแนนที่สำคัญที่เราได้จากที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกอย่างตอนนี้ก็อยู่ที่เรา ที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป ในเกมสุดท้ายที่จะเจอกับ กัมพูชา”.