“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชนะ “นักรบอังกอร์” กัมพูชา 3-1 คว้าแชมป์กลุ่ม A ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 นัดสุดท้ายรอบแรก ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ 2 ม.ค. 66

นัดนี้ ทั้ง 2 ทีม ต่างแย่งเข้ารอบ ไทย ขอแค่เสมอ ส่วนกัมพูชา ของกุนซือ เคสึเกะ ฮอนดะ ที่มี 6 แต้ม ถ้าชนะก็พลิกเข้ารอบรองฯ ครั้งแรก โดย มาโน โพลกิง กุนซือไทย กลับใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนกับ 2 นัดแรก ผู้รักษาประตู กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก, คู่เซ็นเตอร์ พรรษา เหมวิบูลย์, กฤษดา กาแมน, แบ๊กซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน, แบ๊กขวา ศุภนันท์ บุรีรัตน์, คู่กลาง ธีราทร บุญมาทัน กับ สารัช อยู่เย็น, ตัวรุกฝั่งซ้าย บดินทร์ ผาลา, ฝั่งขวา เอกนิษฐ์ ปัญญา, กองหน้าคู่ ธีรศิลป์ แดงดา กับ อดิศักดิ์ ไกรษร

ครึ่งแรก กว่าไทยจะได้ประตูนำ ก็ช่วงทดเวลา มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน โดน ยิว มุสลิม ทำฟาวล์ และเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปให้ ไทยนำก่อน 1-0

ครึ่งหลังไทยเปลี่ยนตัวแล้วส่ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ สุมัญญา ปุริสาย ลงสนามมาแทนที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา, ศศลักษณ์ ไหประโคน และ อดิศักดิ์ ไกรษร

นาทีที่ 50 สารัช อยู่เย็น จ่ายให้ สุมัญญา ปุริสาย เบียดชนะแนวรับ กัมพูชา ก่อนจิ้มเข้าไปให้ ทีมชาติไทย นำห่างกัมพูชา เป็น 2-0

นาทีที่ 68 กัมพูชา มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ ซา ตี้ ได้บอลตรงกลางก่อนไหลให้ เสียง จันเทียะ ล็อกหลบ กฤษดา กาแมน ยิงเข้าไปให้กัมพูชา สกอร์ขยับมาเป็น 1-2

นาทีที่ 90 พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี จ่ายให้ ธีรศิลป์ แดงดา ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนกลับตัวยิงด้วยขวา เข้าไปให้ ทีมชาติไทย นำห่าง กัมพูชา เป็น 3-1 ก่อนชนะสกอร์นี้

ส่วนผลอีกคู่ อินโดนีเซีย บุกชนะ ฟิลิปปินส์ 2-1

จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ทีมชาติไทย เข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการมี 10 แต้ม เท่ากับ อินโดนีซีย แต่ประตูได้เสียดีกว่า และจะเข้าไปพบกับ รองแชมป์กลุ่ม B รอบตัดเชือก จะไปเยือนก่อน วันที่ 7 ม.ค. 66 ก่อนมาเล่นในบ้านวันที่ 10 ม.ค. 66

ขณะเดียวกัน ไทย จะได้เงินอัดฉีด 5 ล้านบาท จากการเข้ารอบ โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม