สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ลงนามในคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันจันทร์ มีผลครอบคลุมทั้งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเผชิญกับอิทธิพลของ “บอมบ์ไซโคลน” หมายถึงสภาพอากาศเลวร้าย ที่เป็นผลจากความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และแผ่ขยายอิทธิพลออกเป็นวงกว้าง ต่อเนื่องนานเกือบ 2 สัปดาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย
Thank you, @POTUS for the swift approval of an Emergency Declaration. https://t.co/TeisuXrt1A
— Gavin Newsom (@GavinNewsom) January 9, 2023
ทั้งนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวโดยผู้นำสหรัฐ หมายความว่า รัฐแคลิฟอร์เนียจะได้รับงบประมาณฉุกเฉินทันที และความช่วยเหลือจากส่วนกลางนำโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินส่วนกลาง ( ฟีมา ) ต้องเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่ไบเดนลงนาม
Heavy rain has created widespread flooding today throughout California, and the cleanup and dry-out will take an extended period of dry time that isn't yet in the forecast. Numerous roads remained closed due to the flooding and schools closed because of power outages/storm damage pic.twitter.com/CcdaOi35QA
— WeatherNation (@WeatherNation) January 10, 2023
Cleanup of toppled trees stretches all the way to southern California where this massive tree came down in the storm. Please be careful as they can take down power lines & create damage to homes/vehicles too! #CAwx pic.twitter.com/rM1STQEFpM
— WeatherNation (@WeatherNation) January 10, 2023
Check out this dramatic footage of a rockslide just east of Fresno, CA today.
— WeatherNation (@WeatherNation) January 10, 2023
We're continuing to talk about the major impacts across California on @WeatherNation. #CAwx pic.twitter.com/8DgvfhjHmX
ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นดับเบิลยูเอส ) เตือนว่า ภูมิภาคทางตอนเหนือและตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนีย “ยังคงอยู่บนเส้นทางของบอมบ์ไซโคลน” ระลอกใหม่ ไปจนถึงช่วงกลางสัปดาห์นี้ “เป็นอย่างน้อย” สะท้อนความแปรปรวนของสภาพอากาศ ซึ่งเป็นผลจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากพื้นที่การเกษตรของรัฐแคลิฟอร์เนียยังคงเผชิญกับภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, REUTERS