ทีมชาติไทย ถล่ม มาเลเซีย 3-0 ศึกอาเซียนคัพ รอบรองฯ นัด 2 ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต เข้ารอบชิงชนะเลิศ พบคู่ปรับอาเซียน เวียดนาม โดย รอบชิงชนะเลิศ เตะวันที่ 13 ม.ค. และ 16 ม.ค. เวียดนาม เป็นเจ้าบ้านก่อน จากนั้นกลับมาเล่นที่ ธรรมศาสตร์ วันจันทร์ที่ 16 ม.ค.

ทั้งนี้ ทีมไทยจะเดินทางไป เวียดนาม ทันที ช่วงเย็นวันที่ 11 ธ.ค. ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

หลังเกม มาโน โพลกิง โค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่าทุกคนภูมิใจ และเชื่อว่าแฟนบอลภูมิใจกับทีม เกมนี้สิ่งสำคัญนอกจากต้องยิงให้ได้คือต้องไม่เสียประตู จริงๆ เกมนี้ยากกว่าเกมที่บุกแพ้ มาเลเซีย 0-1 เพราะคู่แข่งเติมกองกลางเพิ่มขึ้น แต่ชมนักเตะไทยที่มีวินัย การเยือนเวียดนาม คู่แข่งก็ได้เปรียบที่เล่นในบ้านก่อน แถมได้พักมากกว่า แต่ยังพอใจที่ได้เล่นในบ้านนัดที่ 2 ขอทำให้ดีที่สุดก่อนกลับมาเล่นในไทย ส่วน ธีรศิลป์ แดงดา ที่เจ็บเปลี่ยนตัวตอนพักครึ่ง ก็รอเช็กอาการ แต่ไม่มีปัญหา เพราะยังมี อดิศักดิ์ ไกรษร การไปเยือน 2 นัดที่ผ่านมา ไทยยังไม่ชนะ (เสมออินโดฯ, แพ้มาเลเซีย) แต่จะเป็นบทเรียนของนักเตะ

สื่อถามถึงการที่ มาโน เปลี่ยน เสื้อจากสีดำ เกมแพ้นัดแรก มาเป็นสีฟ้า ซึ่งโค้ชช้างศึก กล่าวว่า “เสื้อตัวไหนใส่แล้วแพ้ ผมก็โยนมันทิ้งขยะไปแล้ว”

ขณะที่ อดิศักดิ์ ไกรษร ผู้ยิงลูก 3 กล่าวว่า ดีใจที่ทำได้ หลังจาก 4 ปีก่อน ยิงจุดโทษไม่เข้า ในรอบรองฯ ที่เจอมาเลเซีย จนทีมตกรอบ ตอนนั้นเหมือนฝันร้าย แต่ก็พยายามสู้ เอาชนะความกดดัน

ด้าน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม กล่าว ขอบคุณแฟนบอลทีาเข้ามากันเต็มสนาม ยืนยันว่ามีอัดฉีดอีกแน่ หลังจากให้ไปแน่ๆ 10 ล้านบาท การไปเยือน เวียดนามก็หวังชนะแต่ยากมาก ทุกคนจะพยายามทำเต็มที่ เพื่อคว้าแชมป์ ส่วนอาการของ ธีรศิลป์ แดงดา ที่เปลี่ยนออกตอนพักครึ่งนั้น มีอาการเจ็บโคนขาหนีบ ต้องรอเช็กอาการอีกที

คิมปังกอน โค้ชมาเลเซีย กล่าวว่า ยินดีกับไทย สมควรได้ชัยชนะเข้าชิงชนะเลิศแล้ว ขอโทษแฟนมาเลเซีย และก็ผิดหวัง จากนี้ไปจะขอทบทวนเรื่องต่างๆ แทคติก ข้อผิดพลาดในสนาม ตนขอรับไว้เอง