เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายวิญญู สัตบุตร หัวหน้าทีมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพิเศษตอบโต้ COVID-19 มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ตนและทีมงานพร้อมช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะนำผู้ป่วยไปรักษา พาไปตรวจ นำไปกักตัวที่สถานกักกัน (LQ.) และส่งกลับบ้านเมื่อรักษาหาย รวมถึงนำร่างผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด นำไปฌาปนกิจ ทุกคนทำด้วยจิตใจอาสา ล่าสุดยังได้ช่วยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ในการรับส่งผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด กลับบ้าน ซึ่งปกติมูลนิธิเสมอกัน ได้จัดอาสาสมัครเข้าช่วย รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช รพ.สนามแต่ละอำเภอ ในการที่รับผู้ป่วยเข้าทำการตรวจรักษา โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการประสานจาก พม. ให้ช่วยเหลือนำผู้ป่วยที่รักษาตัวหายแล้วกลับบ้าน ถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของพวกเรา ที่มีความภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาช่วยเหลือสังคม เนื่องจากว่าผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วมีการเฝ้ารอการกลับมาของคนที่บ้าน รวมถึงตัวผู้ป่วยเองก็อยากจะกลับบ้าน โดยตรงนี้ไม่มีเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือยานพาหนะในการที่จะเดินทางกลับบ้าน ทางมูลนิธิกู้ภัยเสมอกัน จึงเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ได้เรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

“จำนวนผู้ป่วยแต่ละวันมีมากขึ้น พวกเราจึงทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่มีปริปากบ่น แม้ไม่เคยได้ค่าตอบแทนแม้กระทั่งค่าน้ำมัน พวกเราต้องออกกันเอง แต่ก็ยินดี เพราะทำด้วยใจ ทำด้วยจิตอาสา บางครั้งก็มีผู้ใจบุญช่วยบริจาคค่าน้ำมันมาบ้าง แต่ก็ยังไม่พอ เนื่องจากพวกเราต้องวิ่งรับส่งผู้ป่วยเข้ารักษา และรักษาหายแล้วทุกวัน พวกเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือทำเพื่อประชาชนที่เดือดร้อน ให้เขาเหล่านั้นมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะทุกชีวิตมีค่าเสมอกัน” นายวิญญู กล่าว

นายวิญูญู กล่าวต่อว่า ทีมของตนรับทั้งผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตจากโควิด มาตั้งแต่เกิดการระบาดใหม่ๆ จนปัจจุบันก็ยังทำกันอยู่ ถ้าเราไม่ทำใครจะทำ บาง รพ.ในสุพรรณบุรี ที่มีกู้ภัยหน่วยอื่นประจำอำเภอ ยังประสานมาที่ตนให้ไปรับคนป่วย คนเสียชีวิต เพราะเขาทราบว่าทีมของตนรับทุกเคส มีหลายคนถามว่าไม่กลัวติดโรคโควิด ตอบว่ากลัว แต่ไม่มีใครทำ เราต้องทำ จนกว่าจะหมดแรงกาย แรงใจ ที่มีอยู่

ด้านผู้ป่วยรายหนึ่ง ชาว ต.องค์พระ อ.ด่านช้าง ซึ่งรักษาอาการโควิดหายแล้ว กล่าวว่า หลังจากรักษาหายตอนแรกคิดว่าจะกลับบ้านอย่างไร จนกระทั่งได้รับการประสานว่ามีมูลนิธิกู้ภัยนำส่งถึงบ้านก็รู้สึกดีใจ และที่ประทับใจมาก ตนเองก็ไม่ค่อยมีเงิน แต่อยากตอบแทนในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้ แต่พวกเขาไม่ยอมรับ ทั้งที่ต้องควักกระเป๋าเติมน้ำมันกันเอง ต้องขอชมในน้ำใจที่มีจิตอาสาอย่างแท้จริง.