กรณี คนร้ายบุกเดี่ยวทำทีเป็นลูกค้ามาเลือกซื้อทอง ห้างทองกชพรโกลด์ 8 เลขที่ 348 ถนนรัถการ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนเผยธาตุแท้กระชากสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 สลึง 1 เส้น และสร้อยข้อมือหนัก 1 สลึงไปอีกครึ่งเส้น เพราะขาดตอนกระชากจากมือพนักงานขาย แล้ววิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว คาดมีการมาดูลาดเลาเส้นทางหลบหนีมาอย่างดี โดยวงจรปิดตามเส้นทางจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วงจรปิดจับภาพโจรหนุ่มวิ่งหน้าตั้ง! ชิงสร้อยร้านทองกลางเมืองหาดใหญ่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังก่อเหตุไม่นานช่วงเย็นวันเดียวกัน (12 ม.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัว นายกิตติวงศ์ พัทธธรม อายุ 32 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวได้ขณะกลับไปทำงานส่งของตามปกติโดยถูกจับกุมตัวได้ที่พื้นที่ อ.แม่ขรี จ.พัทลุง สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าตัดสินใจก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้หลังติดการพนันออนไลน์มาสักระยะหนึ่งแล้ว จึงนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี

จากนั้นเช้าวันนี้ (13 ม.ค.) พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.มาชา แก้วทอง รอง ผกก.ป. พร้อมกำลังตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและฝ่ายปราบปราม คุมตัว นายกิตติวงศ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทอง โดยตลอดการทำแผน นายกิตติวงศ์ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตั้งแต่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า มาจอดปากซอย 2 ถนนรัถการ ห่างร้านประมาณ 50 เมตร แล้วเข้าไปทำทีขอดูทองก่อนทองวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางท้ายซอย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างการทำแผน นายกิตติวงศ์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของร้าน และพนักงานขายในร้าน ถึงสิ่งที่ทำลงไป โดยการทำแผนใช้เวลาเพียงสั้นๆ ประมาณ 20 นาที และผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก่อนคุมตัวกลับไปยัง สภ.หาดใหญ่ เพื่อรอดำเนินข้อหาชิงทรัพย์

น.ส.จิตร์สุภา จันทร์ฉายณรุจ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า ให้อภัยนายกิตติวงศ์ แต่ในทางคดีให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะเคยเป็นลูกค้าเก่าของร้าน ก่อนหน้านี้ก็เคยช่วยเหลือมาแล้วถึง 2 ครั้ง เพราะ นายกิตติวงศ์ นำทองไปจำนำที่โรงจำนำและนำตั๋วจำนำมาขายเพื่อเอาเงินไถ่ทองคืนมาและก็นำทองกลับมาขายที่ร้าน ซึ่งตนก็ไม่หักแม้แต่บาทเดียว เพราะต้องการที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน แต่ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้และเชื่อว่าเป็นการมาก่อเหตุด้วยไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ

ส่วนทางครอบครัว นายกิตติวงศ์ เป็นชาว อ.สิชล จ.นครศรรีธรรมราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทราบเรื่องว่าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่ม ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะตอนเช้าเพิ่งพาลูกสาวแรกคลอดอายุ 1 เดือน 5 วัน ไปฝากเลี้ยงไว้ และออกไปทำงานตามปกติ อีกทั้งเป็นคนรับผิดชอบ ตอนขอภรรยาแต่งงานก็ทำงานเก็บเงิน ค่าสินสอดเป็นเงินสด 2 แสนบาท และทองอีก 2 บาท เองมาตลอด เป็นรักครอบครัว แต่จะมาช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพิ่งรู้ว่าไปเป็นหนี้พนันและหนี้นอกระบบ แต่เห็นว่าแม่และน้องชาย ช่วยเหลือเคลียร์ไปแล้ว และสัญญาว่าจะเลิกเล่นพนันออนไลน์อีก กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหากพ้นคดีออกมาทางครอบครัวก็พร้อมให้อภัย.