สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า สำนักงานวัฒนธรรมแห่งเมืองกุสโก ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู และเป็นพื้นที่ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ประกาศปิดพื้นที่ทั้งหมดของมาชูปิกชู ซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคา และเส้นทางรถไฟ “อินคาเทรล” ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 ม.ค.

ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการกลับมาเปิดดำเนินการสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงทั้งสองแห่งอีกครั้งเมื่อใด อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างช่วยเหลือนักท่องเที่ยวประมาณ 400 คน ซึ่งติดค้างอยู่ในพื้นที่


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ประท้วงขับไล่รัฐบาลเปรู ที่ทวีความตึงเครียดเป็นลำดับ นับตั้งแต่สภาคองเกรสมีมติเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ปีที่แล้ว ถอดถอน นายเปโด กัสติโย ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี แล้วรับรอง นางดีนา โบลูอาร์เต ขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศด้วย ต่อจากนั้น อัยการดำเนินคดีกับ กัสติโย ซึ่งเป็นฝ่ายซ้าย ในหลายข้อหาที่รวมทั้ง “การเป็นกบฏและการคอร์รัปชั่น”


แม้ โบลูอาร์เต พยายามบรรเทาความตึงเครียดของสถานการณ์ ด้วยการเลื่อนจัดการเลือกตั้งทั่วไป จากกำหนดการเดิมคือในปี 2567 เป็นเดือน เม.ย. 2566 อย่างไรก็ตาม เธอยืนกรานปฏิเสธลาออก ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักของฝ่ายต่อต้าน อีกทั้งขยายระยะเวลาบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกอย่างน้อย 30 วัน นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนนี้ ทำให้สถานการณ์ประท้วงรุนแรงต่อเนื่อง มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 50 ราย


ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานอัยการกรุงลิมารายงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 205 คน ฐานบุกรุกเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ซันมาร์กอส ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันอุดมศึกษาขนาดใหญ่ที่สุดของเปรู


ขณะที่เกิดเพลิงไหมเอาคารเก่าแก่อายุเกือบ 100 ปี ในเขตใจกลางกรุงลิมา เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถือเป็น “ความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นกับหนึ่งในอนุสาวรีย์ของชาติ” ด้านสาเหตุยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข่อง ด้านรัฐบาลเปรูปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายต่อต้านว่า ชนวนเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ มาจากการใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ ในการสลายการเดินขบวนประท้วงของประชาชน.

เครดิตภาพ : REUTERS